เรียน คุณมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่เคารพ
ดิฉันขอเรียนถาม ด้วยดิฉันรับราชการเป็นพยาบาล ได้เป็นผู้ค้ำประกันให้พี่ชายไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยทุนของรัฐบาล ปรากฏว่าหลังจากที่พี่ชายกลับมาชดใช้ทุน แต่ยังชดใช้ทุนยังไม่ครบตามที่ราชการกำหนดไว้ ก็ต้องออกจากราชการก่อน และศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้พี่ชายและดิฉันต้องร่วมกันชดใช้เงินส่วนที่ยังชดใช้ไม่ครบเป็นจำนวน 2 ล้านกว่าบาทพร้อมดอกเบี้ย 15% ต่อปี ตั้งแต่มีการฟ้องร้องคดีไปจนกว่าจะชำระให้แล้วเสร็จ ภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด ดิฉันจึงขอเรียนถามท่านว่า
1. ดิฉันและพี่ชายควรทำอย่างไรดีค่ะ หลังจากมีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้ชดใช้เงินหมดทั้งจำนวนในระยะเวลา 60 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด เนื่องจากพี่ชายและดิฉันไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายให้หมดทั้งจำนวนภายในระยะเวลาดังกล่าว พี่ชายและดิฉันจะดำเนินการขอผ่อนชำระได้ไหมค่ะ ตามกฎหมายแล้ว หากผ่อนชำระได้ไม่ทราบว่าศาลจะให้พี่ชายและดิฉันผ่อนชำระเป็นแบบไหนได้บ้างค่ะ
2. หากถึงขั้นมีการยึดทรัพย์ ศาลจะดำเนินการกับพี่ชายก่อนหรือเปล่าค่ะ เพราะหากจะยึดทรัพย์พี่ชายคงไม่มีทรัพย์สินอะไรที่จะยึดได้เพราะหลังจากออกจากราชการแล้วพี่ชายก็ได้ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองพอไปวันๆเท่านั้น ส่วนดิฉันก็ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะให้ยึดไปขายทอดตลาดชำระหนี้ได้เพียงพอทั้งหมดจำนวน ดิฉันจึงอยากทราบว่าศาลจะทำอย่างไรต่อค่ะ และจะมีผลเสียอะไรต่อสถานภาพทางการทำงานของดิฉันหรือเปล่าค่ะ เพราะดิฉันยังมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูบิดา มารดา ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง และพี่สาวที่พิการไม่สามารถช่วยตัวเองได้อีก 1 คน
ดิฉันจึงใคร่ขอความเมตตาท่านช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องดังกล่าวให้แก่ดิฉันด้วย เพราะขณะนี้เป็นทุกข์เหลือเกินไม่ทราบจะไปพึ่งใครจริง ๆ ขอแสดงความเคารพและขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ
1. การขอผ่อนชำระก็ต้องไปติดต่อกับเจ้าหนี้ คือหน่วยราชการที่จะต้องจ่ายเงินให้เขา แล้วลองเจรจากับเขาดู
2. ถ้าเขาจะยึดทรัพย์ เขาก็คงขอหมายยึดพร้อม ๆ กันทั้งสองคน แต่ที่ผ่านมาทางราชการมักจะผ่อนผันให้ ถ้าเจรจาดี ๆ เขาก็ยอมให้ผ่อนชำระได้