นาง ก (แม่ยาย)ได้มอบโฉนดที่ดินซึ่งเป็นที่ปลูกบ้านและพักอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็กให้นาง ข ไปเนื่องโดยต้องการเงินจำนวน 400,000 นาง ข เลยใช้ชื่อ นาง ค (น้องสาวของนาง ข)ยื่นของจำนองกับธนาคารA เป็นเงิน 615,000 แต่นาง ข มอบเงินให้นาง ก(แม่ยาย) แค่ 400,000 และหักค่าทำเรื่องกู้อีก 30,000 งวดบ้านแต่ละเดือน นาง ก(แม่ยาย)จะมอบเงิน 4,100 ให้นาง ข เป็นคนไปส่งธนาคาร ผ่านมา3 ปีมานาง ก อยากปิดบัญชีเลยมาปรึกษา นาย ง(ลูกเขย)ว่าถ้าจะปิดบัญชีเงินกู้จะทำยังไง เลยไปติดต่อธนาคาร A จึงได้ทราบความจริงว่า นาง ข ไม่ส่งเงินเข้าธนาคารA ปีกว่าแล้วธนาคารAทำเรื่องฟ้องต่อศาลเพื่อขอยึดทรัพย์ ต่อมา นาย ง ติดต่อกับ นาง ข เพื่อขอทำเรื่องซื้อที่ดินคืนโดยยังไม่ได้บอก นาง ข ว่าทราบเรื่องธนาคารAจะยึดเพราะกลัวทาง นาง ข จะไม่ยอมให้นาง ค มาโอนให้ ซึ่งพอนาง ข ทราบว่าเราจะซื้อที่ดินคืน เลยหาเงินประมาณ 700,000 ไปทำเรื่องไถ่ถอนกับธนาคารAคืน โดยนาย ง เคยบอกว่าไม่จำเป็นต้องไถ่ถอนออกมาก็ได้เพราะจะขอสินเชื่อกับธนาคารAแล้วให้ธนาคารทำเรื่องปิดบัญชีไถ่ถอนกันเองระหว่างธนาคารA เพียงแต่ให้มาโอนให้ก็พอ แต่นาง ข ก็บอกว่าจะไถ่ถอนเองแล้วจะทำเรื่องซื้อขาย กับ นาย ง (ซึ่งคาดว่าคงต้องการปิดเรื่องกลัวว่าทาง นาย ง จะทราบรายละเอียดของการกู้เงินครั้งแรกว่าเป็นเงินเท่าไหร่) ซึ่งจริงๆแล้วนาย ง รู้รายละเอียดทั้งหมด แต่ไม่บอกนาง ข เฉยๆ เพราะเคยขอสินเชื่อกับธนาคาร A ไว้เลยทราบเรื่องทั้งหมดแต่สินเชื่อไม่ผ่าน เลยมาขอสินเชื่อกับธนาคาร B เมื่อสินเชื่อของนาย ง ผ่าน เลยติดต่อกับ นาง ข และ ค ให้มาทำเรืองโอนที่ดิน โดยนาย ง แจ้งกับธนาคาร B ตีเช็ค ออกมาเป็น 4 ฉบับ( 470,000 1 ฉบับ 100,000 2 ฉบับ และ 70,000 1 ฉบับ รวมเป็นเงิน 740,000) เพื่อไว้ต่อรองสอบถามเงินที่ส่งงวดไปประมาณ 3 ปีว่าหายไปไหน ต่อมาวันที่ 19 พ.ย 55 ทำเรื่องโอน ก่อนเข้าไปที่ดิน นาย ง ได้บอกนาง ข ว่าขอทำเรื่องซื้อขายแค่ 470,000 เพราะเตรียมเงินมาเสียค่าธรรมเนียม แค่นี้ซึ่งนาง ข ก็ตกลง ระหว่างดำเนินการโอนที่ดิน นาง ข ได้บอกว่าจะไปธุระ โดยเหลือ นาง ค (น้องสาว) อยู่กับ นาย ง และเจ้าหน้าที่ธนาคารB หลังจากเสร็จแล้ว นาย ง ได้มอบ เช็คจำนวน 470,000 ให้นาง ค โดยถ่ายรูปการมอบไว้เป็นหลักฐาน แต่นาง ค อยากได้เช็คทั้งหมดโดยบอกว่าเป็นชื่อของตัวเองจะเอาไปขึ้นเงิน แต่นาย ง ไม่ยอมโดยต้องการตกลงกับ นาง ข ก่อนว่าเงินที่ส่งงวดไปประมาณ 3 ปี หายไปไหนทำไม ยอดเงินถึงเป็น 700,000 แต่ตกลงกันไม่ได้เพราะ นาง ข ไม่อยู่ นาย ง เลยขอกลับไปรอที่บ้าน นาง ก โดยยังไม่มอบเช็คให้ นาง ค ช่วงนั้นทาง นาง ข ได้ไปแจ้งความเพื่อขออายัดที่ดิน และโทรมาต่อว่านาย ง โดยจะขอยกเลิกนิติกรรมทุกอย่าง โดยพูดข่มขู่ว่าจะไล่ที่นาง ก ให้ย้ายออกจากที่ดินไม่ให้มีที่อยู่โดยบอกว่าจะฟ้องศาล ดำเนินคดีกับ นาย ง ให้ถึงที่สุด
คำถาม
1. นิติกรรมสามารถยกเลิกได้รึเปล่า
2. หนังสือจะซื้อจะขายที่ขอสินเชื่อกับธนาคารไว้ระบุเงิน 740,000 แต่หนังสือซื้อขายที่จดทะเบียนที่ดินระบุเงิน 470,000 ตัวไหนจะเป็นโมฆะครับ
3. เมื่อวันที่ 23 พ.ย 55 มีหนังสือจากทนายของ นาง ข มาถึงนาย ง ว่าขอยกเลิกนิติกรรมเขาสามารถยกเลิกได้รึเปล่า
4. ถึง ณ . วันที่ 19 ธ.ค 55 ยังไม่เห็นมีหมายศาลมาแสดงว่าเขายังไม่ฟ้องศาลรึเปล่าครับหรือเขาดำเนินเรื่องเองโดยไม่แจ้งเรา
5. เราสามารถไปตรวจสอบที่ศาลได้รึเปล่าว่าเราถูกเขาฟ้องไหม
6. ธนาคารเสนอว่าให้เราทำเรื่องไถ่ถอนคืนโดยให้ใช้เช็คจำนวน 740000 พร้อมดอกเบี้ยทำเรื่องปิดบัญชีแล้วโอนชื่อกลับมาเป็นของนาย ค เพราะทางธนาคารไม่อยากโดนฟ้อง สามารถเอาเช็คคืนธนาคาร ใด้รึเปล่าครับ จะมีผลกับรูปคดีไหม
7. กรณีนี้เคยมีคดีตัวอย่างเก่าไหมครับศาลตัดสินยังไง เพราะผมกลัวแพ้คดีแล้วไม่ยายจะโดนไล่ที่