ต่อจากฉบับที่แล้ว
คดีที่1 คำที่ดิฉันหมิ่นประมาทเพื่อนครูคือ..อีขี้ขโมยอีตอแหล
คดีที่2 อีหัวเน่าอีหัวเหม็น น้ำหน้าอย่างมันจะมีปัญญาหากิ๊กหล่อ ๆ ไม่มีทาง แต่งตัวดีเฉย ๆ แค่นั่งกินข้าวกับผอ.ก็ทุเรศพอแล้ว นิสัยไม่ดี ตอแหลพอ ๆ กับคนแจ้งความคดีที่ 1
เนื่องจากดิฉันไม่ต้องการคบกับคนทั้งสองโดยเด็ดขาด..เพราะคนแจ้งความคดีที่1มีปัญหากันหลายครั้งแล้ว ตำรวจได้พยายามให้ยอมความแล้วแต่คนแจ้งความคดีที่1 โยกโย้แล้วนำไปพูดว่าดิฉันไม่ยอมไปขอโทษ ถ้าเรื่องขึ้นศาลแล้วดิฉันรับสารภาพผลจะเป็นอย่างไรเพราะไม่อยากให้พยานทั้งสองฝ่ายได้รับความเดือดร้อน..ดิฉันก็กลัวโรงเรียนจะเสียชื่อเสียงไปด้วย คนแจ้งความคดีที่1 นำหลักฐานบันทึกเสียงไปให้คนแจ้งความคดีที่2ฟัง ตอนแรกเขาจะแจ้งคนเดียวแต่ไป ๆ มาๆ กลายเป็นสองคดี พยานหลักฐานเดียวกัน...โดยคนทั้งสองสนิทกับผู้บริหารก่อนแจ้งความเขาปรึกษากันแล้ว...ผู้บริหารนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในส่วนของผู้บริหารนิ่งเฉยดิฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง...คนแจ้งความคดีที่1 ชอบทำตัวเอาความข้างนั้นไปฟ้องคนนี้เอาความข้างนี้ไปฟ้องคนนั้น...ตอนนี้ที่โรงเรียนครูฝ่ายปกครองก็โดนร้องเรียนด้วยการถ่ายภาพและบันทึกเสียงเช่นกันและเขาเองก็มีเรื่องขัดแย้งกับครูทั้งสองคนในคดีของดิฉัน....ขอความกรุณาอาจารย์ตอบให้ละเอียดด้วนนะคะ...ดิฉันยอมรับว่าการนินทามันก็มีทุกคนแต่ดิฉันอาจจะโชคไม่ดีโดนบันทึกเสียง..ดิฉันคงเลิกพูดพาดพิงถึงบุคคลอื่นในทางที่ไม่ดีอีกแล้ว...คนที่คอยจ้องแต่จะบันทึกเสียงและสร้างความแตกแยกในหน่วยงานเราควรทำอย่างไรดีคะอาจารย์....ดิฉันไม่อยากเอาคืนเพราะคนแจ้งความคดีที่หนึ่งมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการร้องเรียนหลายเรื่อง...แค่ดิฉันรวบรวมหลักฐานเขาก็ไม่รอดแล้ว...แต่ดิฉันไม่ทำ...ขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ