ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    049434 คดีฉ้อโกงจำเลยไม่มีทรัพย์นก24 กรกฎาคม 2556

    คำถาม
    คดีฉ้อโกงจำเลยไม่มีทรัพย์

    มีหลายคำถามช่วยตอบด้วยนะคะ

    ขอใช้สรรพนามว่าโจทย์(ดิฉัน) กับจำเลยนะคะ

    1) โดนฉ้อโกงทรัพย์ หากเรายังไม่ต้องฟ้อง ต้องทำอย่างไรกับอายุความ 3 เดือนไม่ให้มีผล เช่นแจ้งความไว้ แต่ยังไม่ต้องให้ดำเนินคดีได้หรือไม่

    2) หากศาลตัดสินแล้วจำเลยไม่มีทรัพย์ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป , จำเลยติดคุกแทนการจ่ายเงิน ส่วยโจทย์ก็ไม่ได้อะไรเลยใช่หรือไม่

    3) คดีแบบนี้ส่วนมากจะใช้เวลาไต่สวนจนตัดสินนานแค่ไหน

    4) มีหลักฐานเป็นหนังสือสัญญา(แต่เป็นแบบเขียนลายมือ) , Clip เสียงการสนนา ,Clip VDO บางส่วน และพยานซึ่งเป็นเพื่อนและญาติกับฝ่ายโจทย์ทั้งสิ้น หลักฐานประมาณนี้ถ้ายังไม่ต้องพิจารณาเนื้อหา ถามว่ามีโอกาสชนะแค่ไหน

    5) ถ้าไม่มั่นใจว่าจะชนะ 100% (สักแค่ 80-90%) ควรฟ้องหรือแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่

    เพราะตอนนี้จำเลยไม่ใช่มิฉาชีพ แต่กระทำเป็นมิฉาชีพ(คือโกหกเอาเงินไปเรื่อยๆ)

    เลยยังกลัวขึ้นศาลและชำระเงินคืนมาบ้าง แต่ด้วยจำนวนที่น้อยมาก

    คือจ่ายหลักพัน-หมื่น แต่เงินที่โกงไปหลักล้าน หากฟ้องไปแล้วหลักฐานไม่แน่นพอ แพ้คดี

    เลยกลัวว่าหลักพัน-หมื่นที่เคยได้ก็ไม่ได้

    เพิ่มเติม :

    จำเลยหลอกว่าจะเอาเงินไปปล่อยกู้ ซึ่งช่วงแรกเอาเงินไปแล้วให้ดอกกลับมามาก เลยโลภให้ไปเรื่อยโดยไม่ได้ทำสัญญาอะไรเลย

    หวังจะได้กลับมามาก แต่สุดท้ายเขาก็เบี้ยวไป สุดท้ายคาดคั้นเขามากขึ้น เขาก็เฉลยว่าไม่เคยเอาเงินไปปล่อยเลย ส่วนดอกที่ให้มาก็เป็นเงินที่เราให้ไปนั่นแหละ ถามว่าแล้วเอาเงินไปทำอะไรก็ไม่ยอมบอก(สงสัยจะไปเล่นพนัน) แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเขียนเป็นสัญญาย้อนหลังให้ เรียกว่าโจรกลับใจก็ว่าได้ แต่แบบนี้โกงไปแล้วกลับใจก็ต้องถือว่าฉ้อโกง(อาญา)ใช่เปล่าคะ

    แต่ประเด็นก็คือเขาจะทยอยคืนให้เดือนละ 6000-10000 บาท (ซึ่งระบุในสัญญา คือ ถ้าไม่เขียนแบบนี้เขาก็จะไม่ยอมเขียนให้)

    ท่านลองคิดดูสิคะ แล้วอีกกี่สิบปีถึงจะหมด หากผ่านไปสักปีแล้วเขาหนีหายไปจะทำอย่างไร เลยคิดว่าจะฟ้องเพื่อให้เขาคืนเป็นก้อนใหญ่มา แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมีทรัพย์สินอะไรบ้าง เลยกลัวว่าถ้าฟ้องก็แห้วเงินถึงจะชนะคดี แล้วก็ได้ยินมาว่าคดีฉ้อโกงมีอายุ3 เดือน เลยกลัวว่าจะฟ้องไม่ทัน และกลัวว่าถ้าฟ้องแล้ว เขาก็จะหยุดจ่าย รอขึ้นศาลอย่างเดียว ซึ่งดิฉันกลัวแพ้มากๆ ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ไม่จริง แต่กลัวว่าเกิดเขาไปได้ทนายเก่งกว่า แล้วเรามีจุดอ่อนก็จะแพ้ เพราะเคยอ่านเรื่องคดีความ ขนาดคนไปยิงเขาบาดเจ็บเห็นกับตา คนยิงยังรอดได้เลย

    ถ้าดิฉันแพ้คดีก็แปลว่าจบสูญหมด แต่ถ้าตอนนี้ไม่ฟ้องก็ยังได้เงินกลับมาบ้างและก็ภาวนาว่า เขาจะหาก้อนใหญ่มาให้สักวัน และจะไม่คิดหนีไปไหน

    หรือคิดอีกแง่หนึ่งคือเขามาแผนสูงคือจ่ายไปให้พ้น 3 เดือนเพื่อให้พ้นกรณีคดีอาญา แล้วไปเคลียเป็นคดีแพ่งแทนก็เป็นได้ เราก็ไม่รู้

    ช่วยให้คำปรึกษาด้วยค่ะ

     

    คำตอบ

    1. ความผิดฐานฉ้อโกง เป็นความผิดอันยอมความกันได้ ผู้เสียหายต้องแจ้งความร้องทุกข์เสียภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีก็จะขาดอายุความ แต่เมื่อได้ร้องทุกข์แล้ว ก็สามารถฟ้องภายใน ๑๐ ปี ได้

    2. ก็ไม่เป็นอะไร เจ้าหนี้ก็ต้องรอไปจนกว่าจะสืบได้ว่าจำเลยมีทรัพย์อยู่ที่ไหนจะได้ตามไปยึดเอามาขายทอดตลาด

    3. เอาแน่ไม่ได้หรอก

    4. ถ้าไม่รู้ว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร ก็บอกไม่ได้ว่าโอกาสชนะมีแค่ไหน  เพราะอันพยานหลักฐานนั้น ไม่ใช่สักแต่ว่าเป็นหนังสือ หรือเป็นคน แต่ขึ้นอยู่กับว่าหนังสือนั้นมีข้อความว่าอย่างไร เช่น ถ้าเป็นหนังสือของทมยันตี หรือเป็นหนังสือสัญญาอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่เกี่ยวกัน หรือคนที่มาเป็นพยาน ไม่รู้เห็นอะไรเลย หรือรู้งู ๆ ปลา ๆ  ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

    5. คดีทุกคดี ไม่มีใครมั่นใจว่าจะชนะร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง รวมทั้งฝีมือของทนายความด้วย  ถ้ามีหลักฐานว่าเขาหลอกลวงจริง ก็แจ้งความไว้ก่อน เวลาแจ้งความก็บอกกับตำรวจว่าไม่รู้ว่าผู้ต้องหาอยู่ที่ไหน  เพียงเท่านี้ ตำรวจเขาก็รับแจ้งความแล้วก็นั่งเฉย เพราะไม่รู้จะทำอะไรได้ เมื่อใดที่คุณคิดว่าจะเอาแน่ ก็กลับไปบอกกับตำรวจว่ารู้ที่อยู่แล้ว


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    24 กรกฎาคม 2556