กระผมเป็นพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว มีผู้หญิงคนหนึ่งมาสน.มาแจ้งความ ตนเองต้องการกู้เงิน จึงได้เปิดเวฟไซด์เกี่ยวกับเงินกู้ และได้ติดต่อเพื่อกู้เงินนอกระบบกับผู้ให้กู้ทางอินเตอร์เนต โดยผู้ให้กู้ได้ตกลงกู้เงินกัน เป็นจำนวน ๔๕๐๐๐บาท โดยให้หญิงคนดังกล่าวไปเช่าซื้อรถ จยย.เพื่อประกันการกู้เงิน โดยมีข้อตกลง คือ ผู้ให้กู้จะให้เงินแก่หญิงคนดังกล่าว จำนวน ๑๐๐๐๐ บาท ในวันที่ส่งมอบรถให้ผู้ให้กู้ และจะให้เงินอีกจำนวน ๓๕๐๐๐บาท ภายใน ๑ อาทิตย์ หลังส่งมอบรถแล้ว โดยการตกลงกันได้เกิดที่ พื้นที่สน.หัวหมากทั้งสิ้น จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวได้ไปเช่าซื้อรถ มาในราคา ๖๐๐๐บาท และนัดส่งมอบรถให้กับผู้ให้กู้ในวันเดียวกัน ในพื้นที่ สน.หัวหมาก เมื่อผู้ให้กู้ไปรับรถ หญิงคนดังกล่าว ได้มอบกุญแจรถให้ผู้ให้กู้ แต่ผู้ให้กู้แจ้งว่าให้หญิงคนดังกล่าวไปรับเงินจำนวน ๑๐๐๐๐บาทที่ พื้นที่ สน.ลาดพร้าว หญิงคนดังกล่าวได้นั่งซ้อนท้ายรถ จยย.คันดังกล่าวโดยมีผู้ให้กู้เป็นคนขับมา พื้นที่ สน.ลาดพร้าว เมื่อมาถึงพื้นที่ สน.ลาดพร้าวผู้ให้กู้ได้มอบเงิน๑๐๐๐๐ บาท และหญิงได้มอบเลขบัญชีเงินฝากของหญิงเพื่อโอนเงินจำนวนที่เหลือมาให้ภายในอาทิตย์หนึ่ง จากนั้นผู้ให้กู้ได้เอารถไป กระผมขอใคร่สอบถามอาจารย์ ว่า ๑ หญิงคนดังกล่าวเป็นผู้เสียหายหรือไม่ในความผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่ ๒.ถ้าเป็นความผิดฐานฉ้อโกง การกระทำเป็นความผิดเกี่ยวเนื่องตามวิอาญา ม.๑๙ หรือไม่ พงส.สน.ใดมีอำนาจสอบสวน . ปัจจุบันนี้หลังจากหญิงคนดังกล่าวมาปรึกษา กระผมได้สอบถามแล้วเห็นว่า หญิงคนดังกล่าวไม่ได้เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกงเพราะได้วางแผนกันเช่าซื่้อรถมา เป็นการยักยอกทรัพย์ของบริษัทรถมากกว่า กับประกอบว่าถ้าเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ความผิดฐานฉ้อโกงได้ครบองค์ประกอบที่พื้นที่ สน.หัวหมาก ตั้งแต่ได้มีการส่งมอบรถกันแล้ว การนั่งซ้อนท้ายมาเพื่อรับเงิน เป็นเพียงการกระทำภายหลังจากการกระทำความผิดแล้วเท่านั้น กระผมจึงไม่ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ เพียงบอกเขาว่าเพื่อความสะดวกให้เขาไปติดต่อ สน.หัวหมากจะเป็นการสะดวกกว่า แต่ถ้าคุณจะแจ้งกับผมก็ได้ แต่หญิงคนดังกล่าวแจ้งว่าขอกลับไปคิดดูก่อน เวลาผ่านไปประมาณ ๒ เดือน ซึ่งตอนนี้หญิงคนดังกล่าวได้มาพบผู้บังคับบัญชา กล่าวหาร้องเรียนว่าผมไม่รับคำร้องทุกข์ จึงใคร่ขอความกรุณาอาจารย์ชี้แนะ และแนะนำวิธีปฎิบัติที่ถูกต้องด้วยครับ