ประมาณปี 2552 ขณะนั้นผมทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง ( มหาชน ) ในตำแหน่งผู้บริหาร ผมได้เอ่ยปากกับเจ้าของบ.(นามสมมุติ)ว่าต้องการใช้เงิน 30,000.-เขาตอบไม่มีปัญหาเดี๋ยวจัดการให้ ช่วงอึดใจเขาก็นำเงินมาให้ และกล่าวว่ามีอะไรก็ช่วยๆหน่อยนะ ผมถามกลับไปว่าเงินจำนวนนี้ให้ผมยืมหรืออย่างไรครับ เขาตอบว่า เดีฺยวค่อยคุยกัน ***หมายเหตุ***ขณะนั้นเปฺ์็นช่วงเวลาที่องค์กรของผมจะทำการคัดเลือกและ สัมภาษณ์บริษัทภายนอกเพื่อมาร่วมงาน 1 เืดือนต่อมา ผมได้ลาออกจากบริษัทเขาเลยชักชวนผมเข้าไปทำงานที่บริษัทเขาด้วย โดยเขาถามว่า เงินเดือนเท่าไร ผมตอบว่า 30,000.- บาทครับ เขาตอบ โอเค จากนั้นผมก็ไปปฏิบัติงานกับเขา ผมทำงานกับเขาได้ 1 เืดือนเต็ม (30วัน)โดยไม่ได้ลงเวลา เพราะดำรงตำแหน่งผู้บริหาร จากนั้นผมก็ลาออกไปทำงานที่ใหม่ โดยเงินเดือนยังไม่ได้รับ( เงินเดือนออกทุกวันที่ 10 ของเดือน) มาวันนี้ 11/3/2558 มีตำรวจมาแจ้งว่าผมมีคดีฉ้อโกง ผมขอถามว่า 1 ผมผิดไหมครับ ในข้อหาอะไร 2 แนวทางแก้ไข ผมควรทำอย่างไร ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
1. ตอบไม่ได้หรอกว่าคุณผิดไหม เพราะคุณไม่ได้บอกมาว่าคุณไปทำอะไร ที่เล่ามาก็คงจะกลั่นกรองมาแล้วว่าจะทำให้ดูดี แม้แต่ข้อกล่าวหาที่เขาหาว่าคุณฉ้อโกง ก็ไม่เล่ามาว่าเขาหาว่าคุณทำอะไร ถึงได้ว่าเป็นการฉ้อโกง
2. ก็เมื่อไม่บอกว่าไปทำอะไรมา แล้วจะแนะนำแนวทางแก้ไขได้ยังไง
การถามโดยไม่เล่าข้อมูลตรงไปตรงมา ก็ยากที่จะได้ประโยชน์จากคำตอบ ถ้าเวลาไปให้การกับตำรวจ อาจจำเป็นว่าเรื่องบางเรื่องก็ไม่ยอมพูด บางเรื่องก็พูดเพียงครึ่งเดียว นั่นก็พอมีเหตุผล เพราะตำรวจเขาอาจตั้งข้อหา แต่การมาถามเพื่อหาแนวทางแก้ไขน่ะ ถ้าไม่บอกรายละเอียดตรงไปตรงมา คนแนะนำก็ยากที่จะแนะนำ เหมือนไปหาหมอ เพราะไอออกมาเป็นเลือดติดต่อกันหลายวัน แต่เวลาไปหาหมอ กลัวหมอจะรู้ ก็เลยบอกว่าไอนิดหน่อย แล้วไปถามหมอว่าเป็นมะเร็งไหม หมอก็คงบอกได้ว่าเพียงไอนิดหน่อย ไม่มีทางเป็นมะเร็งหรอก แล้วเขาก็คงเอายาแก้ไอมาให้จิบเวลาไอ โรคก็คงไม่หาย เสียสตางค์เปล่า ๆ