ผมข้อเสนอให้ กำหนดให้ สปท ทำหน้าที่ต่อไปในบทเฉพาะกาล มีวาระต่อไปอีก5ปี ให้ขึ้นตรงต่อส.ว. โดยให้ ส.ว.มีอำนาจถอดถอนและแต่งตั้ง สปท จนครบวาระ เพื่อให้ สปท ทำหน้าที่ ปฏิรูปต่อไป โดยมีอำนาจหน้าที่เหมือนองค์กรอิสระ มีหน้าที่คล้ายสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ และทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ส่วนองค์กรที่ทำหน้าที่ปรองดอง ก็ให้เป็นวุฒิสภานั่นแหละ เพราะตัวแสดงหรือกระบอกเสียงของคู่ขัดแย้งก็ต้องเข้าไปอยู่ในสภาอยู่แล้ว เป็นคนกลางเคลียกันซะ โดยถ้าคสชจำเป็นต้องมีคนเข้าไปทำหน้าที่นี้ก่อนก็ต้องกำหนดให้ ส.ว.สรรหาชุดแรก แต่งตั้งโดยคสชไปสามปี ในกรณีที่ เป็นส.ว.สรรหาครึ่งนึงเลือกตั้งครึ่งนึง

และองค์กรที่เข้ามาทำหน้าที่ใช้อำนาจพิเศษเมื่อเกิดความขัดแย้ง ไม่ควรตั้งเป็นการเฉพาะ  แต่ควรเป็นองค์กรเฉพาะกิจ ที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุคับขันอย่างที่คสชเขานิยามไว้  เห็นว่า ควรเป็นศาลรัฐธรรมนูญในกรณี มวลชนจะล้มล้าง สถาบันกษัตริย์ แบ่งแยกประเทศ หรือระบอบประชาธิปไตย. และประธานองค์กรอิสระทั้งห้าในกรณีที่รัฐบาลร่วมกระทำการหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นเหตุให้เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งรัฐหรือเป็นกบถ การใช้องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญมันจะดูเบากว่าการใช้ผบ.เหล่าทัพครับ

ทั้งนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องตั้งองค์กรขึ้นมาอีก ใช้องค์กรที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด. ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับคปปแต่ถ้าต้องมีแบบเลี่ยงไม่ได้จริงๆก็เห็นควรเป็นรูปแบบนี้ครับ

มีชัย ฤชุพันธุ์
14 ตุลาคม 2558