มีการเสนอให้คิดนอกกรอบ เพื่อช่วยกันหาทางออกทางการเมือง ผมพยายามคิดดู ก็ได้ความคิดมา แต่ไม่ทราบว่าจะขัดต่อหลักการทางรัฐศาสตร์หรือไม่ เหมาะสมกับการเมืองไทยในปัจจุบันหรือเปล่า สากลจะยอมรับรูปแบบอย่างนี้ไหม
แต่ผมจะเสนอใหม่คือสภาผู้แทนไม่มีอำนาจเลือกฝ่ายบริหาร โดยให้วุฒิสภาเป็นสภาที่เลือกผู้นำฝ่ายบริหารผู้จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยกำหนดให้วุฒิสภามาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิส โดยใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง
โดยรูปแบบนี้ ข้อดีคือประชาชนสามารถเลือกฝ่ายบริหารได้โดยตรง แบบที่ไม่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะเป็นการเลือกพรรคการเมือง มิใช่เลือกบุคคลโดยตรง ได้นายกที่ต้องมีพรรคการเมืองให้รับผิดชอบ ประชาชนสามารถดูคนที่น่าจะเป็นทีมรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อ ทำในฝ่ายบริหารมีตัวแทนในสภาบนเพื่อช่วยกลั่นกรองกฎหมายจากสภาล่างที่จะออกมา
ทำให้แยกอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ออกจากกันอย่างเด็ดขาด ยกเว้นทางพฤตินัย ที่ทั้งสภาบนและสภาล่างมาจาหพรรคการเมืองเดียวกันเท่านั้น.
ขอเสียคงเป็นการทำให้พรรคการเมือง รวบทั้งอำนาจ บริหาร นิติบัญญัติ ทั้งสภาบน สภาล่าง เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในกรณีที่เกิดมีพรรคการเมืองพรรคเดียวได้เสียงข้างมากของทั้งสองสภา ในขณะที่ถ้าเกิดเสียงข้างมากของสภาบนสภาล่าง เป็นคนล่ะพรรคกัน ก็อาจขัดแย้งกัน แต่น่าจะแก้ได้ด้วยการให้ออกพระราชบัญญัติการเงิน เป็นอำนาจของวุฒิสภาไป อีกทั้งพระราชบัญญัติการเงินเป็นพระราชบัญญัติที่ต้องไม่ชักช้าอยู่แล้วเป็นสิทธิวุฒิสภาเพียงสภาเดียวไปเลย ให้นายกรัฐมนตรียุบสภาได้แต่สภาบน สภาล่างยุบไม่ได้ . และสภาผู้แทนถอดถอนนายกไม่ได้ เพื่อแยกอำนาจออกจากกันค่อนข้างเด็ดขาด
ในส่วนกระบวนการตรวจสอบ ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสูงสุดเป็นผู้สรรหาผู้มาทำหน้าที่องค์กรอิสระทั้งห้า โดยการฟ้องร้องคดีของเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายการเมือง ขององค์กรอิสระทุกคดี ให้ฟ้องที่ศาลปกครองเท่านั้น เพื่อแยกองค์กรที่ทำหน้าที่เลือกผู้ทำหน้าไต่สวนฟ้องร้องคดี ออกจากองค์กรผู้ทำหน้าที่ตัดสินคดี (ให้ศาลฎีกาผู้ดำรงค์ตำแหน่งทางการเมืองขึ้นต่อศาลปกครอง). ส่วนศาลรัฐธรรมนูญให้มาจากการสรรหาของทั้งที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองและฎีกาสูงสุด ให้ศาลรัฐธรรมนูญปกป้องสิทธิเสรีภาพได้ดีแบบอเมริกา เพราะรูปแบบนี้คงมีแค่องค์กรศาลเพียงเท่านั้น ที่จะปกป้องประชาชนและประเทศชาติจากนายทุนพรรคการเมืองโจรปล้นชาติได้ จึงควรออกแบบให้ศาลต้องเข้มแข็งมาก
รูปแบบนี้ ผมว่ามีความเป็นประชาธิปไตยสูง แต่จะไม่มีสภาบนแบบเดิมที่กำหนดให้มีวุฒิสภาที่มีความเป็นกลางแต่ไม่เป็นกลางในความเป็นจริงเพราะส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งมักอิงแอบฝ่ายการเมืองจึงจำเป็นต้องมีส.ว.สรรหาที่โดนกล่าวหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตยเพราะไม่ได้มาจากประชาชน อีกทั้งไม่มีตัวแทนโค้วต้าคนกลุ่มน้อยไม่มีโอกาส สาขาอาชีพ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆมาช่วยกลั่นกรองกฎหมายแบบปี50
เผื่อแนวคิดนี้จะเป็นประโยชน์บ้างจึงขอฝากไว้ครับ