การแก้ปัญหาการซื้อเสียงเลือกตั้ง เรียน ท่านอาจารย์มีชัย ที่เคารพ
ปัญหาการเลือกตั้งโดยเฉพาะปัญหาการซื้อสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นปัญหาหลักของการเลือกตั้ง โดยเหตุที่ผมเคยรับผิดชอบเกี่ยวกับการเลือกตั้งมาทั้งในตำแหน่ง ผอ.กต.จว..กกต.จว.และประธาน กกต.จว.มาตั้งแต่ปี 2541-2554 พอจะเข้าใจปัญหาการซื้อสิทธิการเลือกตั้งด้วยดีพอสมควร ตอนแรกกฎหมายกำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าหากใครไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งควรจะเป็นอย่างนั้น แต่นักการเมืองได้ขอแก้ไขการเลือกตั้งเป็นสิทธิ คือใครจะไปเลือกตั้งหรือไม่ไปเลือกตั้งก็ได้ จึงไม่ค่อยมีใครอยากไป เปิดช่องให้มีการซื้อสิทธิเพื่อให้ไปลงคะแนนให้แก่ตนและพรรคของตน ดังนั้นควรจะกำหนดไว้ในกฎหมายว่าการเลือกตั้งเป็นหน้าท่ี ใครไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งถือว่ามีความผิด หากจำเป็นให้สามารถแจ้งเหตุต่อนายทะเบียนได้ โทษของการไม่ไปใช้สิทธิอาจจะมีความผิดอาญาหรือตัดสิทธิที่พึวได้รับประโยชน์จากรัฐในห้วงระยะเวลาใดหรือเมื่อได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งใหม่
ในช่วงแรกปี 2541 การพิจารณาว่าใครซื้อสิทธิ เพียงแต่เชื่อได้ว่ามีหลักฐานแน่นอนก็ลงโทษให้ใบเหลือง ใบแดงได้ ซึ่งนักการเมืองเกรงกลัวการกระทำความผิดกันมาก ต่อมานักการการเมืองได้เสนอสภาขอแก้ไขกฎหมายให้การพิจารณาตัดสินคดีซื้อเสียงไปให้ศาล ทำให้นักการเมืองไม่กลัวการซื้อสิทธิ เพราะ การพิจารณาของศาลใใช้ระบบกล่าวหาต้องมีพะยานหลักฐานชัดเจนจึึงจะลงโทษได้ ตรงกันข้ามกับกับ กกต.ที่มีหลักฐานควรเชื่อได้ก็ลงโทษได้แล้ว ทำให้นักการเมืองไม่เกรงกลัวการซื้อเสียง ในช่วงแรกการสอบสวน คดี จะมีการปิดลับพะยาน จะไม่ยอมให้ผู้ถูกกล่าวหารู้ว่าใครเป็นพะยาน จะทำให้พะยานรู้สึกปลอดภัยและให้ข้อเท็จจริงเต็มที่ สามารถลงโทษนักการเมืองที่ซื้อสิทธิไดเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อโอนคดีไปยังศาล จะมีการประจันหน้ากันระหว่างนักกการเมืองกับพะยาน ทำให้พะยานเกรงกลัวความปลอดภัยในชีวิตตนเองและครอบครอบครัว จึงไม่มีใครยอมเป็นพยาน ศาลก็ยกฟ้องหมด ทำใหนักการเมืองไม่กลัว กกต.ผมเคยโดนชาวบ้านว่าใส่หน้าว่า กกต.เป็นเสือกระดาษ ไม่มีความหมาย อย่าอยู่ในตำแหน่งเลย เสียงบประมาณเปล่า ๆ ผมเลยตอบเขาไปว่า เอางงี้แล้วกัน ใครรู้ว่าใครซื้อเส้ยง ช่วยเป็นพะยานให่หน่อยได้ไหม หากไม่ดำเนินการกับผู้ซื้อเสียงคุณจะประณามอย่างไรก็ได้ แต่ก็ไม่มีใครยอมเป็นพะยานโดยเฉพาะนักการเมืองอิทธิพล ยิ่งไม่มีใครกล้าเป็นพะยาน การเอาคนผิดคฯซื้อเสียงมาลงโทษยิ่งไม่มีโอกาส หากตั้งใจแก้ปัญหาการซื้อเสียงจริงๆ ไม่ใช่ปาหี่แหกตาต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้อให้ได้ การจะะเพิ่มลดจำนวน กกต. การแบ่งฝ่ายในสำนักงาน กกต.ไม่สามารแก้ปัญหาอะไรได้ อีกประการหนึ่งหากมี กกต.จว.ก็ไม่ควาาข้าราชการมาเป็น กกต.จว.เพราะไม่มีเวลามาทำงานให้องค์กร ที่สำคัญผูกพันกับนักการเมือง ไม่พยายามแก้ป็ญหาให้กับการเลือกตั้ง ไม่ต้องห่วงงานด้านธุรการ หรืองานสำนักงานเพราะมีพนักงาน กกต.จังหวัดละสิบถึงยี่สิบคนอยู่แล้ว
จะพยายามเสนอเพิ่มเติมตามความคิดเห็นมาใหม่ |