ผมรู้จักกับ A และได้เสนอให้ผมลงทุนกระเป๋า เราเชื่อมั่นใน A เนื่องจากให้เอกสารค้ำประกันเช่นสำเนาบัตรประชาชน/ บัตรพนักงานและทำงานอยู่ในบริษัทมหาชน และได้ตัดสินใจทำธุรกรรมโอนเงินไป 15ล้านบาทไปยัง A ตามวัตถุประสงค์ที่ตกลงกัน. จนกระทั้งวันที่ต้องส่งมอบกระเป๋านั้น. A เริ่มบ่ายเบี่ยงและได้สารภาพว่าจะได้กระเป๋าจากB เพราะซื้อต่อจาก B มาเพื่อส่งมอบให้เราและได้โอนเงินไปยังลูกค้าของ B คือ C และ D. ส่วนทาง B ก็ให้การยอมรับว่าไม่สามารถให้กระเป๋าได้ เนื่องจากไม่มีกระเป๋า และถูกจับกุมไปตามที่เราแจ้งความไป
คำถาม
1)ผมสามารถฟ้อง A ด้วยได้ไหม เนื่องจากเงินทุกบาทที่เราโอนไป A คนเดียวที่เป็นผู้รับจากเรา. ซึ่งเราฟ้อง B ไปแล้วครับ
2) มาทราบเพิ่มเติมว่า A โอนเงินให้ C 10ล้าน และ D 4 ล้าน และเก็บส่วนต่างไว้ 1 ล้านบาท. ในขณะที่ B ยอมรับในจำนวนที่รับเงินที่เกิดขึ้นจริงทั้งจำนวน 15ล้านในชั้นศาลต้นและก็เริ่มจะปฎิเสธให้การรับสารภาพว่าฉ้อโกง. ผมจะฟ้อง A เพิิ่มเติมได้ไหมครับ และรวมถึง C และ D ครับ.
3) ผมควรฟ้องอาญา หรือ แพ่งสำหรับ A, C และ D ครับ
คำตอบ
อันที่จริงคุณไม่ได้มีนิติสัมพันธ์อะไรกับ B C หรือ D เพราะคุณไม่ได้ตกลงกับคนเหล่านั้น หากแต่ตกลงกับ A ส่วนการที่ A จะไปซื้อต่อจากใครเป็นเรื่องของเขา คุณจึงต้องฟ้อง เอ ส่วนจะฟ้องเรียกเงินคืน หรือฟ้องคดีอาญา ควรไปปรึกษาทนายความ เพราะข้อเท็จจริงไม่ได้ความชัดว่ามีการหลอกลวงอะไรอย่างไร อนึ่ง ที่คุณบอกว่าคุณเชื่อ A เพราะให้เอกสารค้ำประกันที่น่าเชื่อถือ เช่น สำเนาบัตรต่าง ๆ นั้น คุณเข้าใจผิดอย่างมาก เอกสารเหล่านีั้นไม่ได้ค้ำประกันอะไรเลย เป็นเพียงบอกว่าเขาเป็นใคร ทำงานที่ไหนเท่านั้น