ระหว่างบ้านผมกับบ้านข้างเคียง ที่มีแนวรั้วติดกัน โดยริมรั้วด้านหลังของบ้านผมมีกล้องวงจรปิดที่ส่องไปยังหน้าบ้านผม (เหตุที่ติดกล้อง เพราะเมื่อประมาณปี 2557 ผมโดนปาก้อนหินใส่หลังคาบ้านประมาณ 2 ทุ่ม เกือบโดยหัวแฟน จึงแจ้งตำรวจ รู้ว่าน่าจะเป็นข้างบ้าน เพราะ 1. ตรงข้ามบ้านผม เขาอยู่ชั้นสองบอกว่าตอนตำรวจมา เขากระวนกระวาย 2. ระยะและมุมการปาหิน และ 3. เพราะมีเหตุมาจากเมื่อกลางวัน รถมาซื้อของ ชนของที่เขาวางไว้หน้าบ้านบนถนนสาธารณะ ของเขาล้ม จึงคิดว่าผมแกล้ง รู้เพราะผมไปเปิดดูกล้องวงจรปิด แต่จับเขาไม่ได้ เมื่อขึ้นไปดูหลังคาบ้านพบก้อนหินที่คาดว่าจะถูกปามาก่อนแล้ว แต่ไม่เคยสงสัย แต่วันนั้นโดนแรงมาก) ที่ผ่านมาข้างบ้านพยายามก่อกวน โดยสาดน้ำตรงหัวมุมรั้วด้านหลังบ้านที่ติดกัน เพื่อที่จะให้น้ำกระเด็นข้ามเข้ามาโดนกล้อง ในระยะแรก ไม่เกรงใจ ใช้สายยางฉีดน้ำเข้ามาโดยตรงเลย ตอนนั้นได้ต่อว่าเขาไปแล้ว แต่ก็ยังทำ ตอนหลังเลยทำเนียน สาดน้ำอีก บางวันทำตอนตี 4 ตี 5 หรือ 6-8 โมงเช้า บ้าง กระทำแบบนี้เป็นเวลา 2 ปีกว่าแล้ว ส่วนหน้าบ้าน เขาก่อปูนทับรางระบายน้ำพื้นที่สาธารณะ ของ กทม. ทำให้ฝนหรือน้ำระบายต่างๆ ไม่ลงท่อน้ำสาธารณะ จึงขังอยู่ฝั่งหน้าบ้านผมแทน นานๆ ก็สะสมขยะ ทำให้สกปรก อย่างน้ำจะทำไงดีครับ ที่ผ่านมาคุยก็คุยไม่ได้ด่าจนตำรวจต้องถอย เชิญไปเคลียที่โรงพักก็ไม่ไป แต่ยังก่อกวนไม่หยุด
โบราณว่าไว้ว่า อะไรจะมาเคราะห์เท่ากับ การที่ต้องผจญกับ "เพื่อนบ้านร้าย นายชัง" เป็นไม่มี คุณน่าจะกำลังตกอยู่ในเคราะห์เช่นนั้น
ทางแก้มี ๒ ทาง ทางหนึ่งในลักษณะฟันต่อฟัน คือคอยจ้องไว้เมื่อเขาทำอะไรอันเป็นการละเมิดกฎหมายก็ไปแจ้งความ หรือถ้าทำอะไรให้เราเดือดร้อนโดยตรง ก็จัดการฟ้องร้อง แต่การแก้ด้วยวิธีนี้ คุณก็จะมีศัตรูอยู่ใกล้ตัวไปจนตายกันไปข้างหนึ่ง
ทางแก้ทางที่ ๒ คืออาศัยพุทธศาสนาเข้าแก้ ลองสำรวจตัวเราเองก่อนว่า เรามีอะไรที่ทำให้เขาโกรธ หรือไม่พอใจ หรือหมั่นไส้ แล้วก็ลดสิ่งเหล่านั้นเสีย ในขณะเดียวกันก็คือ การอ่อนเข้าหา เจอหน้าก็ยกมือไหว้ ทักทายด้วยมธุรสวาจา ยกย่องชมเชย เข้าไว้ มีอะไรจะเผื่อแผ่แจกจ่ายให้ได้ก็ทำ ใหม่ ๆ เขาอามีปฏิกิริยาในทางร้ายกลับมา แต่ก็อย่าไปเก็บเอามาคิด วางทิ้งไว้ตรงนั้น แล้วทำเรื่อย ๆไป วันหนึ่งอาจจะประสบความสำเร็จ เป็นการฆ่าศัตรูไปคนหนึ่งและได้เพื่อนกลับมาคนหนึ่ง