ขอคำแนะนำการทวงหนี้เงินกู้ยืม
สวัสดีค่ะ
ดิฉันขอเล่าความเกริ่นนะค่ะ ดิฉันได้ให้เพื่อนร่วมงานกู้ยืมเงินไปเป็นจำนวน 240,000 บาท โดยมีเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน เซ็นค้ำประกันให้ โดยทั้งนี้ดิฉันได้ทำเป็นหนังสือกู้ยืมเงินแล้วระบุดังนี้ สัญญาทำวันที่ 4 เม.ย.2560 ระบุว่าทำที่ ...ที่อยู่ที่ทำงาน....ที่ทำอยู่ด้วยกัน
1. ผู้กู้ตกลงกู้ยืมเงินจำนวน 240,000 บาท และได้รับเงินครบตามจำนวน ณ.วันทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว
2. ผู้กุ้ตกลงยินยอมชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้ในอัตราร้อยละ 15 บาทต่อปี
3. ผู้กู้ตกลงชำระดอกเบี้ยทุกสิ้นเดือนภายในวันที่ 30 ของทุกๆ เดือน และสัญญาว่าจะชำระคืนเงินต้นคืนครบทั้งหมดตามจำนวนพร้อมดอกเบี้ยเงินกู้ยืมงวดสุดท้ายภายในวันที่ 26 ธันวาคม 2561 ( อธิบายเพ่ิ่มเติมนะค่ะ ปี 2561 เป็นปีสุดท้ายที่ดิฉันทำงาน คือดิฉันเกษียณเดือนสิ้นปีค่ะ ก็เลยยอมให้เขาค่อยๆ ผ่อนไปเพราะเป็นเพื่อนร่วมงานกัน)
4. ถ้าผู้กู้ผิดสัญญาตามที่ตกลงกันไว้ ผู้ให้กู้ สามารถบอกเลิกสัญญาและทำการเรียกเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบสัญญา
5. ผู้กู้ทำเอกสารหนังสือมอบอำนาจให้ไว้แก่ผุ้ให้กู้หนึ่งฉบับ และเซ็นสำเนาเอกสารบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ให้ไว้เป็นหลักฐานสำคัญ
6. การทำสัญญาครั้งนี้ ผู้กู้มีผู้ค้ำประกันเงินกู้จำนวน 2 ท่านคือ
นาย ข. และนาย ค.
สัญญานี้ทำขึ้นมา 2 ฉบับมีข้อความถูกต้องตรงกันให้คู่สัญญายึดถือไว้ฝ่ายละหนึ่งฉบับ คู่สัญญา และผู้ค้ำประกันได้อ่านและเข้าใจข้อความในสัญญานี้โดยตลอดแล้ว จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานสำคัญ
ลงชื่อ นาย ก. ผู้กู้ ลงชื่อ นาง ง. ผู้ให้กู้
ลงชื่อ นาย ข. ผู้ค้ำประกัน ลงชื่อ นาย ค. ผุ้ค้ำประกัน
ดิฉันขอความกรุณาช่วยตอบดิฉันด้วยนะค่ะ ดิฉันเครียดมากเลยค่ะตอนนี้ กินไม่ได้นอนไม่หลับจริง ๆ ทำงานไม่ปกติเพราะเครียดมาก ข้อมูลเพิ่มเติมนะค่ะ ตอนนี้ผู้ค้ำประกัน นาย ข. ก็ได้ลาออกจากงานไปเมื่อสิ้นเดือน มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา คือหลังจากที่ลูกหนี้กู้เงินไป 2 เดือน ยังเหลือผุ้ค้ำประกันเงินกู้ นาย.ค. ที่ยังทำงานอยู่ที่เดียวกันค่ะ
ตอนนี้ ลูกหนี้ ได้หยุดงาน และถูกให้ออกจากบริษัท โดยไม่ได้รับสวัสดิการใดๆ เลยเมื่อ 26 ก.ค. นี้เองค่ะ ฉะนั้น สรุปแล้ว คนค้ำออกจากงานไป คนกู้ก็หนีไป เหลือคนค้ำอีก 1 คน
กรณีนี้ ดิฉันพยายามติดต่อกับลูกหนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้เลยค่ะ จึงคุยกับคนค้ำที่ลาออกจากงานไปแล้ว คือนาย ข. และ คนค้ำอีกคนคือ นาย ค
ตอนนี้ดิฉันติดต่อกับคนค้ำประกันทั้งสองคนแล้ว แล้วถามว่าจะเอายังไงกันดี เขาทั้ง 2 ก็บ่ายเบี่ยง โดยนาย ข. ที่ออกจากงานไปแล้ว เขาบอกดิฉันว่า ดิฉันต้องไปตามเอากับลูกหนี้ให้ถึงที่สุดก่อน ทำแล้วหรือยัง (ดิฉันปวดใจมากกับคำถามนี้) แล้วเขาก็บอกดิฉันว่าให้ดิฉันไปแจ้งความแล้วให้ดำเนินคดีติดตาม ตามขั้นตอนกฏหมาย ส่วนนาย ค. คนค้ำที่ยังทำงานอยู่ ก็บอกดิฉันว่า นาย ข.ว่าไงเขาว่าตามนั้น ( นายข.เขาลาออกจากงานไปทำงานเกี่ยวกับอสังหาฯ ที่มีความรู้ด้านกม.พอสมควร)
ดิฉันรบกวนท่านผุ้รู้ช่วยบอกดิฉันเป็นขั้นตอนค่ะ ว่า
1. การที่นาย ข.บอกให้ดิฉันไปแจ้งความ ดิฉันงง ค่ะ ว่าทำไมเขาแนะนำดิฉันอย่างนั้น เพราะในเมื่อเขาเองเป้นผุ้ค้ำ ซึ่งเขาก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วยใช่รึไม่
2. ดิฉันเริ่มดูหัวข้อ กม. เกี่ยวกับเรื่องเงินกู้ยืม และผู้ค้ำประกัน แต่ไม่ค่อยเข้าใจเพราะเป้นภาษากม. ดังนั้น ดิฉันอยากขอความกรุณาท่านว่า ช่วยแนะนำ ขั้นตอนดำเนินการที่จะทวงหนี้ตามกฏหมายค่ะ โดย 1, 2,3 ,..... ทุกขั้นตอนค่ะ
3. ดิฉันรบกวนถามว่า ดิฉัน สามารถทำอะไรกับผู้ค้ำประกันทั้ง 2 ท่านนี้ได้บ้างค่ะ ณ.ตอนนี้ ขอความรู้ด้วยค่ะ
4. ถ้าต้องมีการจ้างทนายความ ทนายความที่เราจ้าง เราต้องดูอย่างไรบ้างค่ะ คือโดยปกติทนายความเขาต้องเรียกร้องอะไรจากเรา ณ. ตอนไหนบ้า (ไม่มีความรู้เลยค่ะ)
รบกวนด้วยนะค่ะ บางเรื่องดิฉันอาจไม่ทราบหรือถามท่านไม่ถูก จึงอยากรบกวนของคำแนะนำเป็นขั้นตอนโดยละเอียดด้วยนะค่ะ
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
|