การชำระค่าสินไหมทดแทนความรับผิดทางละเมิด
ขออนุญาตเรียนถามท่านอาจารย์ครับ ข้อเท็จจริงมีดังนี้ นาย ส ขณะดำรงตำแหน่ง
นายกเทศมนตรี ได้กระทำละเมิดต่อเทศบาล พ จนเทศบาล พ ได้รับความเสียหาย
เป็นจำนวนเงิน 7xx,xxx
บาท ผู้ว่าราชการจังหวัด ข
จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ขึ้นมาทำการสอบสวนหาเพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบ
ซึ่งคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นให้ นาย ส ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เทศบาล
พ เต็มจำนวนความเสียหาย คือ 7xx,xxx บาท แล้วส่งสำนวนให้กระทรวงการคลังตรวจสอบ
กระทรวงการคลังตรวจสอบสำนวนแล้วมีความเห็นให้
นาย ส ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ ๗๐ ของมูลค่าความเสียหาย เป็นจำนวนเงิน
๔xx,xxx บาท และแจ้งผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ข ทราบ
ผู้ว่าราชการจังหวัด
ข ได้ออกคำสั่งจังหวัด ข สั่งให้นาย ส ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับเทศบาล พ ตามความเห็นกระทรวงการคลัง
เป็นจำนวนเงิน ๔xx,xxx
บาท นาย ส อุทธรณ์คำสั่งต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ข ผู้ทำคำสั่ง ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์
ได้พิจารณาอุทธรณ์แล้วมีความเห็นให้ยกอุทธรณ์ ในขณะเดียวกันนาย ส
ก็ทำสัญญารับสภาพหนี้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ข โดยขอผ่อนชำระหนี้ให้กับเทศบาล พ
เป็นรายเดือน เดือนละเท่าๆกัน โดยใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินและบุคคลค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว
และได้ผ่อนชำระหนี้ให้กับเทศบาล พ เรื่อยมา
ต่อมานาย ส
ได้ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัด ข เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ต่อศาลปกครองขอนแก่น
ให้เพิกถอนคำสั่งจังหวัด ข ที่สั่งให้นาย ส ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยศาลปกครองขอนแก่นพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ว่าราชการจังหวัด
ข มิใช่หัวหน้าหน่วยงานที่ได้รับความเสียหายจากการทำละเมิด จึงไม่มีอำนาจออกคำสั่ง
ดังนั้นคำสั่งที่ออกโดยปราศจากอำนาจ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว แต่ไม่ตัดสิทธิหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะไปดำเนินการออกคำสั่งใหม่ให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย
เทศบาล พ
จึงออกคำสั่งใหม่ให้นาย ส ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นจำนวนเงิน ๔xx,xxx บาท ให้แก่เทศบาล พ พร้อมแจ้งให้นาย ส นำเงินส่วนที่ยังค้างชำระ
มาชำระหนี้ให้กับเทศบาล พ ทั้งหมด ซึ่งโดยข้อเท็จจริง นาย ส ยังผ่อนชำระหนี้ให้กับเทศบาล
พ อยู่เรื่อยมา ต่อมานาย ส พ้นจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
จึงขอคืนเงินในส่วนที่ได้ชำระไปแล้ว โดยให้เหตุผลว่าเป็นมูลหนี้ตามคำสั่งเดิมซึ่งถูกเพิกถอนไปแล้ว
แต่เทศบาล พ ปฏิเสธการคืนเงินให้กับนาย ส เนื่องจากเห็นว่าคำสั่งเทศบาล พ
ที่ออกใหม่ตามคำแนะนำของศาลปกครอง มีผลบังคับใช้เช่นเดียวกับคำสั่งเดิมที่ถูกเพิกถอนไปแล้ว
ซึ่งนาย ส มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้กับเทศบาล พ จนครบจำนวน ขณะเดียวกันนาย ส ก็อุทธรณ์คำสั่งเทศบาล
พ ที่ออกใหม่ตามคำแนะนำของศาลปกครองขอนแก่นพร้อมกันไปด้วย ซึ่งเทศบาล พ
ได้พิจาณาอุทธรณ์เบื้องต้นแล้วมีความเห็นให้ยกอุทธรณ์ และส่งความเห็นให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
ข เป็นผู้พิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด ข
เห็นพ้องด้วยกับความเห็นของเทศบาล พ จึงยกอุทธรณ์ของนาย ส และแจ้งผลการพิจารณาให้นาย
ส ทราบ จากนั้นนาย ส ได้ยื่นฟ้องนายกเทศมนตรีเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เทศบาล พ
เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และผู้ว่าราชการจังหวัด ข เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ต่อศาลปกครองขอนแก่น ให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองขอนแก่น
ต่อมานาย ส
ได้ผ่อนชำระหนี้ให้กับเทศบาล พ ตามสัญญารับสภาพหนี้ จนครบถ้วน คือ ๔xx,xxx บาท พร้อมทั้งอุทธรณ์คำสั่งเทศบาล
พ ที่ปฏิเสธการคืนเงินให้กับนาย ส กราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่า เทศบาล พ ต้องคืนเงินให้กลับนาย ส หรือไม่ และมีแวปฏิบัติอย่างไร /กราบขอบพระคุณครับ
|