ผมเปิดร้านซ่อม Computer อยู่ในห้างสรรพสินค้า วันนึงก็รับลูกน้องเข้ามา 1 คน ถัดมาไม่กี่เดือนของเริ่มหายบ่อยขึ้น ไม่มีหลักฐาน แต่ผมก็ให้ลูกน้องคนนี้ออกจากงาน
หลังจากออกจากงาน ของก็ไม่หายเลย จนกระทั่ง วันหนึ่ง ลูกค้ามาทวงของ พบว่า ของหายไป ตรวจเอกสารดูจึงรู้ว่าลูกน้องคนดังกล่าวได้เป็นคนรับซ่อม ผมเลยไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.คูคต
ถัดมาไม่นาน ลูกค้าไปแจ้งความไว้ที่สน.คต ว่าผมยักยอกทรัพย์เขาไป
ถัดมาอีกเดือนกว่า พบตัวลูกน้องคนนี้ เลยจับไปลงบันทึกประจำวันไว้ว่าจะนำของมาคืน แต่ก็หายไปเลย
ถัดมาอีกเดือน ผมนัดเจอลูกค้าคนนี้ที่ สน.คูคต เพื่อนำ Computer เครื่องอื่นที่ประสิทธิภาพเท่าเทียมกันไปให้เลือก แต่ลูกค้าไม่เลือก กลับเรียกร้องเงิน 5หมื่นบาท ทั้งๆที่สินค้ามีราคาเพียง 2หมื่นบาท
ถัดมาอีกเดือน ตำรวจที่สน.คูคต เรียกตัวผมไปสอบสวน ผมบอกความจริงไปทุกอย่าง อีกไม่กี่วันผมก็เข้าไปที่ศาลธัญญะบุรี และปฏิเสธ ข้อกล่าวหา
ศาลนัดสอบพยาน ปี49 ครับ ผมขอถามดังนี้
ขอบคุณมากครับ
1. โอกาสน่าจะมี เพราะแม้คุณในฐานะนายจ้างจะต้องรับผิดในทางแพ่งของลูกจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดในทางอาญาในการกระทำของลูกจ้างเว้นแต่คุณจะเป็นผู้ใช้หรือรู้เห็นเป็นใจด้วย การที่อัยการสั่งฟ้องนั้นไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องเป็นคนผิด เพราะอัยการจะสั่งฟ้องตามสำนวนของตำรวจและเมื่อพอมีมูลเขาก็ฟ้อง
2. ความผิดฐานยักยอกทรัพย์เป็นความผิดอันยอมความได้ แต่มีโทษถึงจำคุกไม่เกิน ๓ ปี ส่วนจะได้รับการรอลงอาญาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับศาล
3. ความรับผิดทางแพ่งมีเท่าที่เขาเสียหาย
4. คอยติดตามการดำเนินการของตำรวจ