เรียน ท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ ที่เคารพ กระผมขอรบกวนอาจารย์เกี่ยวกับการกู้เงินนอกระบบด้วยครับ เมื่อปี 2550 พื่ชายของกระผมได้ไปกู้เงินกับผู้มีอันจะกินท่านหนึ่งที่ที่ทำงานของพี่ชายจำนวนสองแสนห้าหมื่นบาท โดยวางโฉนดที่นาจำนวน 30 ไร่และสำเนาพินัยกรรมเอาไว้ค้ำประกันเงินกู้ โฉนดที่นามีชื่อคุณยายเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่คุณยายได้เสียชีวิตแล้ว ก่อนที่ท่านจะเสียได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ โดยยกที่นาแปลงดังกล่าวให้กับพวกกระผมซึ่งเป็นหลานสามคนคือพี่สาวคนโต พี่ชายคนกลางและตัวกระผมเอง (แม่ของพวกกระผมเสียชีวิตก่อนยายหลายปี) โดยเงินทั้งหมดพี่สาวคนโตได้ขอร้องให้พี่ชายคนกลางกู้ให้ตนเพื่อนำไปทำธุรกิจที่กรุงเทพ โดยพี่สาวเป็นคนเซ็นต์ค้ำประกัน ส่วนตัวกระผมไม่รู้ไม่เห็นการกู้เงินในครั้งนี้แต่อย่างใด และเงินที่กู้ไปพี่สาวเป็นผู้ส่งเงินต้นและดอกเบี้ยทุกเดือนๆ ละหนึ่งหมื่นบาท พี่ชายคนกลางไม่ได้ชำระด้วยหรือไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย ต่อมา 3 เดือนที่ผ่านมานี้พี่สาวคนโตขาดส่งเงินไปเฉยๆ ต่อมาเจ้าหนี้ได้มาเตือนพี่ชายให้หาเงินมาให้จำนวนสามแสนสองหมื่นบาท มิฉะนั้นจะยึดที่นา ตอนนี้แหละที่พี่ชายได้มาบอกกระผมถึงที่มาที่ไปว่าเขาจะมายึดที่นากระผมถึงได้ทราบเรื่องและเดือดร้อนกันไปหมด กระผมจึงขอเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ กรณีดังกล่าวเจ้าหนี้สามารถยึดที่นาได้หรือไม่ครับ ถ้าได้ยึดได้กี่ไร่เนื่องจากตัวกระผมก็มีสิทธิ์ในที่นาแต่ไม่รู้ไม่เห็นการกู้เงินในครั้งนี้แต่อย่างใด
เรียน มืดแปดด้าน
เมื่อคุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนี้รายนั้น เจ้าหนี้เขาก็ไม่มีสิทธิมายึดส่วนของคุณได้ คงยึดได้แต่เฉพาะส่วนของพี่ชายที่เป็นลูกหนี้ และพี่สาวที่เป็นคนค้ำประกัน ข้อสำคัญเวลาเขาไปฟ้องเพื่อยึดที่นาคุณก็อย่าอยู่เฉย ๆ ต้องไปคอยคัดค้านในศาลว่าคุณไม่ได้เป็นหนี้ด้วย