เรียนท่านมีชัย
เนื่องจากดิฉันได้ออกรถตู้มือสองเพื่อให้จ้างเหมาเพิ่มรายได้โดยมีเจ้่นายและพ่อเลี้ยงเป็นคนค้ำประกัน ส่งมาได้ 1ปี ก็ส่งไม่ไหวเพราะน้ำมันแพง จึงให้ไฟแนชมาเอารถคืน เวลาล่วงเลยไปเป็นเดือนดิฉันจึงนำรถไปส่งเอง เมื่อ มิ.ย51 ทางเขาขายและขาดส่วนต่างอยู่เกือบแสน ระยะเวลาผ่านไปจนมาถึงวันนี้ ไฟแนชฟ้องในราคา 1357,000 นัดไก่เกลี่ยและขึ้นศาลที่จ.นครสวรรค์บ้านเกิด วันที่ 8 ก.ย.53 ส่วนตัวดิฉันทำงานที่จ.นนทบุรี
ดิฉันมากับเจ้านายส่วนพ่อมอบอำนาจให้ดิฉัน ทางทนายก็มาคุยว่ายอดที่บริษัทให้มันสูงไปไม่มีทางไหนจะลดได้ให้ศาลเป้นผู้พิจารราตัดสินนะจะได้ลดลงแล้วให้บอกศาลว่าให้สาลตัดสิน เมื่อถึงเวลาศาลนั่งบัลลังก์เขาก็เรียกให้ไปเซ็นอะไรก็ไม่รู้รีบๆเขาบอกว่าวันนี้จะได้รู้ผลแล้วจบเลย จนเมื่อศาลเรียกไปยืนแล้วเราก็พูดตามที่นัดกันไว้ ระหว่างนั้นก็ฟังศาลพิจารณาคดีคนอื่นซึ่งวันนั้นห้องนี้มีพิจารณา7คดี แล้วทนายก็ลุกออกมาหาว่าศาลตัดสินให้แล้ว จายอดหนี้ 137,000แล้วบริษัทลดให้ 110,000 ยอดเหลือ 102,000 เราก็งงๆๆเขาก็เรียกเราไปฟังข้างนอกห้องแล้วบอกว่าให้รอทางบริษัทติดต่อมาแล้วเราผ่อน พันหรือสองพันก็ได้ จากนั้นเราจึงโทรไปที่บริษัทว่าเราขอลดลงอีกได้ไหมแล้วเราขอผ่อนนะเพราะเราเงินเดือนน้อยตามวุฒิ 7940 บาท คนค้ำเจ้านายก็หนี้สินเยอะ เขาบอกว่าไม่ได้มันนานจะบังคับคดี บอกว่าพ่อเรามีบ้าน เราบอกว่าบ้านเราจำนองแบงค์อยู่เขาบอกว่ายึดได้ เราก็เลยเดินเขาไปในห้องพิจารณา ศาลท่านก็ใจดีให้เรายืนขึ้นแล้วพูด "เราก็บอกว่าเรามาไกล่เกลี่ยเพื่ิลดยอดแล้วให้ศาลช่วยพิจารณา เรายังไม่ได้คุยตกลงยอดเหมือนคดีอื่นในห้องที่เขาตัดสินที่ดินเลย ผู้หญิงที่นั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์ข้างๆบัลลังก์ก็พูดว่าอ้าวก็ไกล่เกลี่ยกับทนายแล้วไม่ใช่หรอ ศาลก็บอกว่าถ้าไม่พอใจคำตัดสินให้อุทรได้
- อยากทราบว่าอุทรต้องทำอย่างไรค่ะ
-อุทรแล้วยอดจะลดลงไหมค่ะ
-อุทรให้ผ่อนชำระได้ไหมค่ะ
รบกวนให้ข้อกระจ่างด้วยค่ะตอนนี้สับสนร้อนใจเรื่องยึดบ้านมากค่ะ
ขอขอบพระคุณค่ะ
คุณคงไปเจอะเจอทนายเลว ๆ เข้า เพราะเขาไม่ได้ดูแลรักษาประโยชน์ของลูกความ การที่คุณไปลงชื่อในเอกสารโดยไม่ได้อ่าน ก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก เอกสารนั้นอาจจะเป็นข้อตกลงยินยอมในผลการไกล่เกลี่ยหรือการยอมรับของทนายความก็ได้ สำหรับการอุทธรณ์นั้น ถ้าไม่มีประเด็นโต้แย้งว่า คุณไม่ได้เป็นหนี้เขา หรือเป็นหนี้น้อยกว่านั้น ก็อุทธรณ์ได้ยาก การอุทธรณ์คือการที่ไปฟ้องต่อศาลสูงขึ้นไปให้เขาทบทวน แต่ศาลที่สูงขึ้นไปจะทบทวนได้ก็ต่อเมื่อคำตัดสินของศาลแรกไม่ถูกต้องเท่านั้น สำหรับเรื่องการยึดบ้านนั้น ถ้าบ้านนั้นยังมีราคาสูงกว่าวงเงินที่นองและที่ยังค้างชำระอยู่ เขาก็ยึดไปขายได้