ข้าฯ ได้ซื้อที่ดิน ภบท.มาแปลงหนึ่ง ติดกับ ที่ดิน สปก.ของนาง ก. และนาย ข.สามี นาง ก.ที่เป็นปัญหา ซึ่งขณะที่ซื้อ ปรากฎหลักหมุด สปก.อยู่ครบทั้ง 4 ด้านสำหรับแปลงที่ดินของข้าฯ (ที่ดินของข้าฯ อยู่ตรงกลาง ด้านหน้าเป็นถนนสาธารณะ ด้านหลังติดกับที่ดิน สปก.อีก 1 แปลง แต่ไม่มีปัญหาเนื่องจากมีหลัก สปก.และเจ้าของทำขอบเขตชัดเขน ส่วนด้านข้างติดกับของ นาง ก. เจ้าเดียว 1 แปลง อีกด้านครึ่งแรกติดกับนาง ก.ส่วนครึ่งหลังติดกับ นาย ข.สามีนาง ก.) นาง ก. อ้างว่าที่ดิน ภบท.ที่ข้าฯ ซื้อมานั้น รุกล้ำเข้าไปในที่เขาทั้ง 2 ด้าน เนื่องจากมีการย้ายหลักเขตสปก.ด้านละ 1 หลัก ซึ่งเจ้าของที่ดินที่ข้าฯ ซื้อมายืนยันว่าไม่ได้ย้ายแต่อย่างใด นาง ก. จึงได้แจ้งให้ สปก. มาตรวจสอบ แต่ไม่ยินยอมให้ สปก.เริ่มวัดระยะจากหลัก สปก.ที่มีอยู่บริเวณรอบๆ ที่ดินของข้าฯ ส่วนหลัก สปก.ของ นาง ก. และ นาย ข.ด้านอื่นที่ไม่ได้ติดกับข้าฯ ไม่มีหลักหมุดแสดงในทุกๆ ด้าน แต่ต้องการชี้ให้ สปก.เริ่มวัดจากจุดที่เขาแสดงว่าเขามีการครอบครองอยู่ (จุดเชื่อมระหว่าง นาง ก. และ นาย ข.สามี) ว่าเดิมหลักอยู่ตรงนี้ ซึ่งข้าฯ ไม่ยินยอมเนื่องจากเห็นว่ามันไม่มีมาตรฐานในการวัด จึงขอเรียนถามท่านว่า
1. เจ้าหน้าที่ สปก.จะต้องดำเนินการวัดอย่างไรที่เป็นมารตฐาน ที่ถูกต้องและเป็นธรรม สำหรับ นาง ก.และ ข้าฯ (ซึ่งข้าฯ ก็แจ้งนาง ก.ว่าหากที่ดินที่ข้าฯ ชื้อมารุกล้ำที่ดิน นาง ก.จริง ข้าฯ ยินดีคืนให้แต่ต้องมีมารตฐานในการวัด)
2. หากข้าฯ เห็นว่าวิธีการที่เจ้าหน้าที่ สปก.วัดไม่เป็นธรรมกับข้าฯ จะต้องทำอย่างไร
3. หาก สปก.ไม่ดำเนินการวัดให้จะทำได้หรือไม่
ขอบพระคุณมาก
1. หลักที่ปักไว้จะต้องมีระวางยึดโยงอยู่ในแผนที่ ถ้าเกิดสงสัยเขาก็ต้องไปตรวจสอบกับระวางแผนที่
2.-3. ก็ฟ้องคนวัด
ที่ดินที่เรียกว่า ภบท. นั้น คนขายก็ไม่แน่ว่าจะมีสิทธิ คนซื้อยิ่งไม่มีสิทธิใหญ่ เพราะใบ ภบท.เป็นเพียงใบเสร็จรับเงินแสดงว่ามีคนเอาเงินไปเสียภาษี ส่วนที่จะเป็นของใครหรือมีเนื้อที่เท่าไร เขาไม่ได้รับรองไว้หรอก ยิ่งเป็นที่ดินที่ติดกับ สปก. แนวโน้มก็น่าจะเป็นว่าที่ดินนั้นเป็นป่ามาก่อน