เรียน อาจารย์มีชีย ที่เคารพ
ด้วยที่ทำงานได้ดำเนินการสอบคัดเลือกบุคคลระดับนักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ(ซี8)ตามปกติหน่วยงานอื่นๆจะใช้วิธีประเมินคัดเลือกบุคคลโดยใช้หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกตามหนังสือ ก.พ.นร.1006/ว10 ลงวันที่ 15 ก.ย.48 แต่ที่หน่วยงานดิฉันจะใช้วิธีสอบคัดเลือกโดยวิธีการสัมภาษณ์ และก็แต่งตั้งเลยโดยไม่มีการส่งผลงาน ดิฉันเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ถูกต้องตามระเบียบและแนวปฏิบัติที่ ก.คศ.กำหนดให้ใช้หลักเกณฑ์ตาม ว.10 ในการประเมินและคัดเลือกบุคคล ประกอบรับผู้ได้รับการคัดเลือกเป็น ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ตำแหน่งประเภททั่วไป มีคุณสมบัติไม่เป็นมาตรฐาการกำหนดตำแหน่งของ ก.พ. ดิฉัน ได้รับความเดือดร้อนจากการเลือกปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องเป็นธรรม จึงได้มีหนังสือทักท้วงต่อ ผอ.เขต ขอให้พิจารณาทบทวบการคัดเลือกใหม่ เนื่องจากดิฉันเป็นผู้มีคุณสมบัติเนื่องจากดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการมาเป็นเวลา 5 ปี นานแล้วเดือนไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยาให้ถูกต้องตามระเบียบ จึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองและศาลปกครองได้มีคำสั่งรับฟ้องขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจาณาของศาล และนับตั้งแต่เรื่องเข้าสู่กระบวนการทางศาล ผอ.เขต และผู้ได้รับการคัดเลือก ได้ร่วมกันข่มขู่และหาเรื่องกลั่นแกล้งดิฉันตลอดเวลา กล่าว คือ
1. กลั่นแกล้งเรื่องการเลื่อนขั้นเงินเดือน โดยผอ.เขตประเมินให้ในพอใช้ ก่อนมีข้อพิพาท เป้นผู้มีผลการประเมินในระดับดีมากและดีเด่นมาตลอด และตั้งแต่รับราชการมา 24 ปีเป็นผู้ครองตนครองงาน มิเคยทำให้ราชการเกิดความเสียหาย และมีเรื่องเสื่อมเสียแต่อย่างใด และไม่เคยมาทำงานสาย แต่เมื่อนำไปเทียบกับคนที่ขาดราชการ 1 วันและมาสายเกินจำนวนครั้งที่ สพฐ.กำหนดและให้คนอื่นลงเวลาแทนเป็นประจำ แต่มีผลการประเมินในระดับดีมาก (ข้อมูลบัญชีลงเวลาที่มีเจ้าหน้าควบคุม) โดยดิฉันได้ร้องขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานในระดับสูงนำข้อมูลไปตรวจสอบ แต่ยังได้รับแจ้งผล
2. ผู้บริหารร่วมกับผู้ได้รับการคัดเลือกทำหนังสือโดยใช้ผู้ประสงค์ไม่ออกนามร้องเรียกล่าวหาว่าข้าพเจ้าปลอมแปลงลายมือเจ้าของบ้านเช่า และปลอมแปลงหลักฐานของเจ้าของบ้านเช่า และเบิกค่าเช่าบ้านไม่ตรงกับสัญยาเช่า ซึ่งข้อกล่าวหาของผู้ไม่ประสงค์จะะออกนาม ไม่มีมูลความจริงเป็นการสร้างหลักฐานกล่าวอ้างลอย ๆ แล้วก็แต่งตั้งกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาสอบเพื่อเอาผิดทางวินัยกับและหนึ่งในกรรมการก็คือผู้ได้รับการคัดเลือก และผู้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งกรรมการก็คือผู้บังคับบัญชาที่เป็นผุ้ถูกฟ้องคดี สรุป กรรมการเป็นคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในคดีที่ฟ้อง และผู้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งกรรมการเป็นผู้ถูกฟ้องในดคี เสมือนว่าทำเป็นกระบวนการตั้งแต่ทำหนังสือของผู้ไม่ประสงค์จะออกนามขึ้นมาและแต่งกรรมการเอง ลงนามคำสั่งเอง โดยที่เจ้าของบ้านเช่าและดิฉันไม่เคยมีปัญหากันเลย อีกทั้งมีสนิทคุ้นเคยนับถือกัน โดยดิฉัได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นเล่าให้กับเจ้าของบ้านเช่าฟังและเจ้าของบ้านจะเป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์ของดิฉันและให้ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
ดิฉันจึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า กรณีการร้องเรียนเช่นนี้ดิฉันจะสามารถฟ้องหมิ่นประมาท หรือสามารถฟ้องร้องตามมตรา 157 ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาดิฉันเป็นลูกผู้หญิงที่ต่อสู้ตามขึั้นตอนของกฏหมาย และเป็นฝ่ายจะนิ่งเฉยมาตลอด แต่สังเกตได้จากเรื่องเข้าสู่กระบวนการททางศาลมา 4 เดือนโดนกลั่นแกล้งหนักขึ้น นับจากนี้ไปจนกว่าศาลตัดสินไม่ทราบว่าจะมีเรื่องกลั่นแกล้งอีกหรือ จึงขอคำชี้แนะขั้นตอนการปกป้องสิทธิของดิฉันด้วยคะ.ขอสแดงความนับถือ