1. เมื่อเขาให้คุณแล้ว ก็ย่อมเป็นของคุณ ๆ ไม่มีความผิดอะไร ถ้าเขาไปแจ้งความกับตำรวจก็คงต้องแจ้งความเท็จ หรือไปโกหกตำรวจ และถ้าเขาไปแจ้งความจริง ตำรวจเขาก็ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ จะบุกมาบ้านคุณ อย่างมากเขาก็มีหนังสือมาให้คุณไปให้ถ้อยคำเท่านั้น แต่ถ้าเขาไปแจ้งกับตำรวจโดยบอกความจริงที่แตกต่างไปจากที่คุณเล่ามา คุณก็ไปสถานีตำรวจและแจ้งความกับตำรวจว่าเขาเอาความเท็จมาแจ้งตำรวจ
2. ใช้ได้ เก็บไว้ให้ดี ๆ ก็แล้วกัน
3. ถ้าตำรวจมาจริง (ซึ่งไม่น่าจะมา เว้นแต่เป็นตำรวจปลอม) คุณก็ขอดูบัตรประจำตัวว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และมีหมายค้นหรือไม่ สำหรับ ปริ้นเตอร์ คงไม่มีปัญหาเพราะมีหลักฐานว่าซื้อในชื่อคุณ แต่สำหรับโน๊ตบุคส์นั้น อาจมีปัญหา เพราะถ้าเขาซื้อมาแล้วเอามาให้คุณ ก็คงไม่เป็นไร เมื่อให้แล้วก็เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่สงสัยว่าคนอย่างนี้ ทำได้ทุกอย่าง อาจจะไปหยิบยืมของใครเขามา หรือเอาของทางราชการมาให้คุณก็ได้ ถ้าเป็นกรณีเช่นนั้น ก็จะสร้างความยุ่งยากให้แก่คุณไม่น้อย
4. อันที่จริงชีวิต และความสุขสงบของคุณ น่าจะมีค่ากว่าโนตบุคส์ราคาไม่กี่พันบาท ถ้าเขาอยากได้คืนก็คืนเขาไปไม่ดีกว่าหรือ (เว้นแต่คุณยังติดใจในความสนุกกับการพูดคุยกับเขา) จริงอยู่คุณไม่มีความผิดอะไร เอาผิดคุณไม่ได้ แต่การเก็บเอาไว้ก็เป็นเครื่องมือให้เขาใช้อ้างที่จะโทร.มาข่มขู่คุณอยู่ได้เรื่อยไป แต่ถ้าจะคืน ก็อย่าใช้วิธีเอาไปให้เขา ถ้าเขาโทร.มาอีก คุณก็บอกเขาไปว่าคืนให้ก็ได้ แต่จะต้องไปคืนให้ที่สถานีตำรวจ เพื่อจะได้มีพยาน
5. ถ้าอยากได้ของของเขา ก็คงต้องรองรับการข่มขู่ หรือยอมเป็นเครื่องเล่นให้เขาอยู่เรื่อยไป ถ้าพ่อคุณรู้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ราคาไม่กี่พันบาทนี้ จะทำให้ลูกสาวอาจต้องเสียตัวให้กับผู้ชายที่เลว ๆ คนหนึ่ง บางทีเขาอาจไม่อยากได้ก็ได้ การทำวิธีเอาไปซ่อนไว้บ้านเพื่อน ย่อมจะเป็นหนทางให้เดือดร้อนยิ่งขึ้น เพราะถ้าเขาไปแจ้งความว่าคุณยักยอกหรือลักของของเขามา พอตำรวจพบความจริงว่าคุณเอาไปซ่อนไว้บ้านเพื่อน ก็จะสมจริงตามที่เขาแจ้งความ หรือเขาอาจแจ้งความว่าคุณไปหลอกให้เขาซื้อให้ก็ได้ การกระทำของคุณก็เลยสมจริงสมจัง เมื่อไม่รู้กฎหมาย ก็อย่าเล่นแง่กับกฎหมาย เพราะอันตรายยิ่งกว่าเล่นกับไฟ
6. ถ้าเรื่องเป็นจริงอย่างที่คุณเล่ามา คุณก็ไม่มีความผิดอะไร และเขาก็เอาคืนไม่ได้ (ในทางกฎหมาย) แต่ในทางปฏิบัติเขาจะใช้วิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดจนทำให้คุณเดือดร้อน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าจะดัดนิสัยเขา เวลาเขาโทร.มาอีก ก็บอกเขาว่าตกลงจะคืนให้ แต่จะนำไปคืนให้ที่กรมที่เขาทำงาน โดยจะไปคืนให้ที่อธิบดี หรือหัวหน้าของเขา พร้อมจะเล่าให้อธิบดีหรือหัวหน้าของเขาฟังเรื่องราวทั้งหมด (ถ้าจะไปจริง ๆ ก็อย่าลืมพาเพื่อนที่พูดเก่ง ๆ ไปด้วย) คุณน่ะน่าสงสารจริง แต่ไม่ใช่น่าสงสารตรงที่จะต้องคืนของให้เขา แต่น่าสงสารที่เกิดความอยากได้ในของที่มาพร้อมกับอันตรายที่จะเกิดกับตัวคุณ โดยคุณไม่สามารถชั่งน้ำหนักระหว่างอันตราย กับสิ่งที่ได้มา
มีชัย ฤชุพันธุ์ 14 มีนาคม 2556 |