ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    048902 การให้โดยเสน่หากำลังถูกคุกคาม14 มีนาคม 2556

    คำถาม
    การให้โดยเสน่หา

    สวัสดีค่ะอาจารย์ ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะเรื่องการให้โดยเสน่หา

    ดิฉันอายุ 34 ปี เมื่อปลายปีก่อนได้รู้จักกับผู้ชายท่านหนึ่งทำงานด้านราชการ และรับเป็นผู้ฝึกอบรมด้านประกันสังคมให้หน่วยงานจังหวัดหนึ่ง ได้รู้จักผ่านทางเว็บหาคู่ ได้คุยกัยถูกคอ จึงแลกเปลี่ยนเบร์กัน คุยกันได้สักระยะ เขาอยากเจอดิฉันจึงได้มาหา ดิฉันจำวันที่เจอครั้งแรกไม่ได้ และดิฉันกับเขาได้คุยกันถูกคอมากจนเขาโทรมาคุยตลอดทุกวัน วันละหลายครั้ง และเขาก็สอบถามเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ทหรือคอมพิวเตอร์เพราะไม่อยากโทรคุยกันมันเปลือง ดิฉันจึงแจ้งว่าไม่มี ใช้เน็ทผ่านมือถือ และตอนคุยกันต่างคนต่างได้คุยเรื่องเป้าหมายในอนาคต ซึ่งดิฉันก็แจ้งเขาไปว่า เป้าหมายปีนี้ดิฉันจะต้องซื้อโน๊ตบุ๊ค และติดตั้งจานดาวเทียมให้พ่อและแม่ให้ได้ เขาเลยอาสาจะซื้อโน๊คบุ๊คให้แต่ดิฉันปฎิเสธตลอด บอกเพียงแต่เรื่องจานดาวเทียมให้เขาหาที่รับติดตั้งให้ถูกๆหน่อย จะโทรไปคุยกับช่างเอง ต่อมาเขาก็โทรมาเซ้าซี้ และพูดประมาณว่าถูกใจดิฉันมาก ชอบที่ดิฉันขยัน และต้องการจะซื้อโน๊คบุ๊คให้ ชอบสีอะไร และรุ่นไหน ถ้าจะซื้อกิฉันจะเอาแบบไหน ซึ่งตลอดเวลาดิฉันปฎิเสธตลอด มีแต่ทางเขาที่บอกว่าพี่ติดต่อแล้วนะ พี่ไปดูแล้วนะ พี่จะลงโปรแกรมนั้นโน้นนี่ให้ 
     
    ต่อมาสักระยะเขาได้ติดต่อผ่านทางมือถือ แจ้งว่ากำลังจะซื้อให้แล้วบอกว่าเจอกันครั้งต่อไปจะนำไปให้ตามคำพูดว่าจะให้ และไม่ต้องปฎิเสธและคืนของเพราะไม่งั้นพี่จะไม่คุยด้วย ดิฉันจึงไม่ปฎิเสธเพราะตอนนั้นยอมรับว่าชอบเขาที่หน้าที่การงานและที่เขาอยากให้เราสบายมีความสุข ซึ่งตลอดเวลาเขาจะถามตลอดเอาอันไหน สีอะไร แบบไหน ดิฉันได้แต่บอกว่าแล้วแต่พี่ เอาถูกที่สุด เพราะดิฉันเกรงใจที่เขาซื้อให้ ซึ่งตรงนี้ดิฉันมีหลักฐานการสนทนาในเว็บ ว่าขอบคุณอุตสาห์ลำบากไปซื้อให้ เอาถูกที่สุด แล้วแต่พี่
     
    ครั้งต่อมานัดเจอกัน เขาก็เอาโน๊ตบุ๊คมาให้จริงๆ และพาดิฉันไปทานข้าวแต่กลายเป็นพาดิฉันเข้าร้านซื้อเครื่อง Print ให้ และบอกว่าไหนๆมีโน๊ตบุ๊คแล้วก็ต้องมีเครื่องปริ้น ตอนซื้อชื่อแต่ในใบรับประกันเครื่อง print จึงชื่อดิฉันเพราะดิฉันไปด้วย แต่โน๊ตบุ๊คไม่ใช่ชื่อดิฉัน เพราะเขาซื้อมาจากจังหวัดที่เขาอยู่ และไม่มีใบรับประกันดิฉันถามหาเขาบอกช่างมันเถอะเขาก็ไม่รู้ว่ามันไปตกอยู่ที่รถตรงไหน ดิฉันจึงบอกว่าถ้ามันพังจำทำไง ดิฉันไปเอาหรอกเดี๋ยวก็รบกวนพี่อีก เขาบอกพังก็ซื้อใหม่ จึงเดาว่าเขาอาจทำหาย

    หลังจากนั้น ซื้อของเสร็จ เขาพยายามจะพาเลี้ยวเข้าโรงแรม ดิฉันไม่ยอม เขาพยายามจะขมขืนฉัน แต่ไม่สำเร็จเพราะดิฉันต่อสู้ จนเกิดการโต้เถียงกัน จนเขายอมพาดิฉันกลับบ้าน และมาติดตั้งโน๊ตบุ๊คและเครื่อง Print ให้ที่บ้าน ต่อมาดิฉันคุยกับเขาเรื่องนี้ว่าถ้าอยากคบกัน อย่าทำแบบนี้อีก เจอกันคราวต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก ไม่งั้นจะไม่ออกไปเจอ เพราะดิฉันโกรธมากจริงๆที่มาทำแบบนี้ แต่เขากลับต่อว่าดิฉัน ดูถูกดิฉัน โทรมาว่าติดกัน 2-3 วัน ดิฉันเลยไม่ยอมไปเจอเขาอีก ได้แต่พยายามพูดดี ทางโทรศัพท์ และตอบจดหมายทางเว็บ จนตอนหลังเขาก็พูดดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ดิฉันกลัวเขาไม่กล้าหรืออยากจะคุยอยากจะพบเจอเขาอีก และได้ส่งข้อความไปแล้วให้เขาส่งเลขที่บัญชีมาจะทยอยโอนเงินไปให้ จะให้ทีเดียวคงไม่ได้ เพราะเขาซื้อมาให้เราเองเราไม่ได้ขอ และเมื่อได้ของมาแล้วก็อยากเก็บไว้ เลยถือว่าจะซื้อต่อเขา
     
    แต่กลายเป็นเขาไม่ยอม เขาต้องการให้ดิฉันติดต่อเขา ไปหาเขา เขาโทรมาขมขู่เหมือนให้ดิฉันคบกับเขาหรือไม่ก็ต่อว่าดิฉันต่างๆนานา จนเมื่อวันที่ 11 มีนาคมเขาได้ขมขู่ว่าถ้าไม่อยากให้พี่โทรมาอีก หรือไม่ยอมออกมาเจอพี่ ให้คืนของมาไม่งั้นจะแจ้งตำรวจ แล้วเขาก็วางสายไป ดิฉันโทรไปเขาก็ไม่รับสาย ดิฉันจึงขอปรึกษาว่า
     
    1. ถ้าเขาแจ้งตำรวจ ตำรวจจะมาถึงบ้านดิฉันเลยหรอค่ะ หรือส่งมาแค่หมายศาล แล้วใช้เวลานานไหม เพราะเขาอยู่ราชการ ประกันสังคม เขาสามารถเช็คเบอร์โทรศัพท์ดิฉันได้ เคยโทรมาขมขู่ฉัน 1 ครั้ง ที่บริษัท แต่ไม่มีใครรู้เพราะต่อตรงถึงโต๊ะดิฉันเลย
     
    2. ดิฉันไม่มีหลักฐานว่าเขาพิมพ์ว่าซื้อให้ดิฉัน ต้องการให้ ไม่ต้องเอามาคิน ให้เลยถ้าคืนจะไม่พูดด้วย เพราะคุยผ่านทางมือถือ แต่มีหลักฐานที่ดิฉันพิมพ์ขอบคุณ เกรงใจ ไม่เอา ขอที่ถูกที่สดุ และล่าสุด ก้พิมพ์ต่อว่าเขา ไม่ให้เขามาทำลุ่มล่ามแบบนี้อีก ไม่ต้องการเจอเขา ให้เขาส่งเลขที่บัญชีมาจะทยอนโอนเงินให้ 100-200 ก็จะโอนให้ไม่ขาด อย่างนี้ใช้เป็นหลักฐานได้ไหมค่ะตำรวจจะจับดิฉันไหม ของแค่ หมื่นกว่าบาท
     
    3. Printer ชื่อใบรับประกันเป็นของดิฉันแต่โน๊คบุ๊คไม่ใช่ ดิฉันจะทำอะไรได้บ้างไหม เขาทำแบบนี้ ดูถูกกันแบบนี้ ขอคบไปก่อน พอไม่ยอมนอนด้วยก็จะมาทวงของคืน ถ้าดิฉันไม่คืน เอาของไว้ในบ้าน ตำรวจมาดิฉันไม่ยอมให้เขาบ้าน เพราะไม่มีหมายค้นจะได้ไหม
     
    4. เรื่องแค่นี้เขาจะเอาผิดได้ไหม ถือว่าเป็นของให้โดยเสน่ห์หาได้ไหม เพราะเขามาอ้างว่า ให้ยืมต้องคืน พอดิฉันบอกว่าจะทยอยคืนให้ส่งเลขที่บัญชีมากที่เมล์เขาก็ไม่ยอมส่งคืน ได้แต่บอกว่าเอาของคืนมาไม่งั้นจะแจ้งความอย่างเดียวเลย
    5. ถ้าดิฉันทำเฉยๆอยากแจ้งก็แจ้งไปได้หรือไม่ หรือเอาของไปเก็บไว้ที่บ้านเพื่อนพอตำรวจมา มีหมาย (หรือว่าแค่นี้ไม่มีหมายมาหรอก) ดิฉันไม่อยากคืนของเขาแล้วเพราะเราก็ได้ใช้งานแล้ว พ่อก็ใช้อยู่
    6. เพื่อนบอกว่าเขาทำไม่ได้ อย่างงี้ใครซื้อของให้ใคร ชื่อเขาก็เรียกคืนได้หมดมันเป็นไปไม่ได้ จะเป็นแบบเพื่อนพูดหรอคะ ให้โดยเสน่หา แต่เขาเปลี่ยนมาให้เรายืม ไม่มีข้อความหรือหลักฐานใดๆว่าเป็นการให้ยืมเลยค่ะ
     
    เราสามารถดัดนิสัยผู้ชายแบบนี้ได้ไหมค่ะ
    โน๊ตบุค หมื่นต้นๆ เครื่องPrint แค่ 2000 กว่าๆ อยากดัดนิสัยผู้ชายที่ไม่ได้ผู้หญิงแล้วพาล ผู้ชายที่ให้ของผู้หญิงเพราะต้องการตัวผู้หญิงแบบนี้เราทำอะไรได้บ้างไหมคะ หรือดิฉันต้องคืนของเขาไปจริงๆ สงสารพ่อมากเลยคะ และสงสารตัวเอง
     
     
    ขอบคุณมากค่ะ

    คำตอบ

    1.  เมื่อเขาให้คุณแล้ว ก็ย่อมเป็นของคุณ ๆ ไม่มีความผิดอะไร ถ้าเขาไปแจ้งความกับตำรวจก็คงต้องแจ้งความเท็จ หรือไปโกหกตำรวจ  และถ้าเขาไปแจ้งความจริง ตำรวจเขาก็ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ จะบุกมาบ้านคุณ อย่างมากเขาก็มีหนังสือมาให้คุณไปให้ถ้อยคำเท่านั้น  แต่ถ้าเขาไปแจ้งกับตำรวจโดยบอกความจริงที่แตกต่างไปจากที่คุณเล่ามา  คุณก็ไปสถานีตำรวจและแจ้งความกับตำรวจว่าเขาเอาความเท็จมาแจ้งตำรวจ

    2. ใช้ได้ เก็บไว้ให้ดี ๆ ก็แล้วกัน

    3. ถ้าตำรวจมาจริง (ซึ่งไม่น่าจะมา เว้นแต่เป็นตำรวจปลอม) คุณก็ขอดูบัตรประจำตัวว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และมีหมายค้นหรือไม่ สำหรับ ปริ้นเตอร์ คงไม่มีปัญหาเพราะมีหลักฐานว่าซื้อในชื่อคุณ แต่สำหรับโน๊ตบุคส์นั้น อาจมีปัญหา เพราะถ้าเขาซื้อมาแล้วเอามาให้คุณ ก็คงไม่เป็นไร เมื่อให้แล้วก็เป็นสิทธิ์ของคุณ  แต่สงสัยว่าคนอย่างนี้ ทำได้ทุกอย่าง อาจจะไปหยิบยืมของใครเขามา หรือเอาของทางราชการมาให้คุณก็ได้ ถ้าเป็นกรณีเช่นนั้น ก็จะสร้างความยุ่งยากให้แก่คุณไม่น้อย

    4. อันที่จริงชีวิต และความสุขสงบของคุณ น่าจะมีค่ากว่าโนตบุคส์ราคาไม่กี่พันบาท  ถ้าเขาอยากได้คืนก็คืนเขาไปไม่ดีกว่าหรือ (เว้นแต่คุณยังติดใจในความสนุกกับการพูดคุยกับเขา) จริงอยู่คุณไม่มีความผิดอะไร เอาผิดคุณไม่ได้ แต่การเก็บเอาไว้ก็เป็นเครื่องมือให้เขาใช้อ้างที่จะโทร.มาข่มขู่คุณอยู่ได้เรื่อยไป แต่ถ้าจะคืน ก็อย่าใช้วิธีเอาไปให้เขา  ถ้าเขาโทร.มาอีก คุณก็บอกเขาไปว่าคืนให้ก็ได้ แต่จะต้องไปคืนให้ที่สถานีตำรวจ เพื่อจะได้มีพยาน

    5. ถ้าอยากได้ของของเขา ก็คงต้องรองรับการข่มขู่ หรือยอมเป็นเครื่องเล่นให้เขาอยู่เรื่อยไป  ถ้าพ่อคุณรู้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ราคาไม่กี่พันบาทนี้ จะทำให้ลูกสาวอาจต้องเสียตัวให้กับผู้ชายที่เลว ๆ คนหนึ่ง บางทีเขาอาจไม่อยากได้ก็ได้  การทำวิธีเอาไปซ่อนไว้บ้านเพื่อน ย่อมจะเป็นหนทางให้เดือดร้อนยิ่งขึ้น เพราะถ้าเขาไปแจ้งความว่าคุณยักยอกหรือลักของของเขามา พอตำรวจพบความจริงว่าคุณเอาไปซ่อนไว้บ้านเพื่อน ก็จะสมจริงตามที่เขาแจ้งความ หรือเขาอาจแจ้งความว่าคุณไปหลอกให้เขาซื้อให้ก็ได้ การกระทำของคุณก็เลยสมจริงสมจัง   เมื่อไม่รู้กฎหมาย ก็อย่าเล่นแง่กับกฎหมาย เพราะอันตรายยิ่งกว่าเล่นกับไฟ

    6. ถ้าเรื่องเป็นจริงอย่างที่คุณเล่ามา คุณก็ไม่มีความผิดอะไร และเขาก็เอาคืนไม่ได้ (ในทางกฎหมาย) แต่ในทางปฏิบัติเขาจะใช้วิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดจนทำให้คุณเดือดร้อน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

          ถ้าจะดัดนิสัยเขา เวลาเขาโทร.มาอีก ก็บอกเขาว่าตกลงจะคืนให้ แต่จะนำไปคืนให้ที่กรมที่เขาทำงาน โดยจะไปคืนให้ที่อธิบดี หรือหัวหน้าของเขา พร้อมจะเล่าให้อธิบดีหรือหัวหน้าของเขาฟังเรื่องราวทั้งหมด (ถ้าจะไปจริง ๆ ก็อย่าลืมพาเพื่อนที่พูดเก่ง ๆ ไปด้วย)   คุณน่ะน่าสงสารจริง แต่ไม่ใช่น่าสงสารตรงที่จะต้องคืนของให้เขา แต่น่าสงสารที่เกิดความอยากได้ในของที่มาพร้อมกับอันตรายที่จะเกิดกับตัวคุณ โดยคุณไม่สามารถชั่งน้ำหนักระหว่างอันตราย กับสิ่งที่ได้มา


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    14 มีนาคม 2556