เงินชคบ
13 ตุลาคม 2556 เที่ยงคืน (ฉบับที่ 2 ของวันนี้)
เรียนคุณมีชัยที่นับถือ
ดิฉันเคยเรียนถามคำถามกับท่านมา 3 ครั้งแล้ว คือ คำถามที่ 045012 วันที่ 18 มิ.ย.54 , คำถามที่ 045081 วันที่ 23มิ.ย.54 คำถามที่ วันที่ 13 ตุลาคม 2556 วันนี้ถามท่านอีกว่าดิฉันอ่านคำขออุทธรณ์ แล้วแปลความหมายถูกต้องหรือไม่ คำอุทธรณ์มีดังนี้
อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ขออุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ต้องอธิบายว่าได้รับเงินไว้โดยสุจริต ซึ่งเคยพูดมาแล้วตอนศาลปกครอง...... และเคยชนะแล้ว ยืนยันคำพูดเดิมได้ไหมคะ
- การไม่เคยมีหนังสือหารือกับอธิบดีกรมบัญชีกลาง
ข้อนี้ไม่หารือแน่นอน เหตุผล ไม่ทราบว่าท่านมาเกี่ยวข้องกับคดีมาก่อนฟ้องคดี ดูได้จากการฟ้องคดีในครั้งแรกฟ้องเฉพาะมณทลทหารบกที่ 33 แต่ศาลปกครอง........... ให้ทำคำร้องเพิ่มเติมอีก 1 ฉบับ ฟ้องกรมบัญชีกลาง และต่อมามีหนังสือจากศาลให้เปลี่ยนเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลาง
ทำไมจึงคิดฟ้องเฉพาะมณฑลทหารบกที่ 33 เพราะการเริ่มรับบำนาญ ไปรับเงินกับมณฑลทหารบกที่ 33 เห็นทหารพร้อมอาวุธครบมือหลายคน ไปรับเงินมาจากธนาคารทหารไทยสาขาเชียงใหม่ ถนนช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียง
ใหม่ เข้าใจว่าคงเป็นเงินที่กองทับกที่สามีทำงานอยู่ส่งเข้ามาให้หน่วยงานเดียวเท่านั้น ต่อมาไม่ได้ไปรับเอง มอบให้ธนาคารทหารไทยสาขาเชียงใหม่รับแทนเข้าบัญชีไปเลย เมื่อไหร่มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการก็มีการขึ้นบำนาญไปด้วย ตัวเลขเงินก็เพิ่มขึ้น เป็นเช่นนี้ตลอดเวลา ตั้งแต่รับบำนาญมาเริ่ม 13 พฤศจิกายน 2520 จนถึงปัจจุบัน
การที่เงินเพิ่มขึ้นแล้วไม่เคยสนใจติดตามถามนั้น ไม่ทราบจริงๆว่าต้องมีหนังสือถามท่าน เนื่องจากเมื่อสามี เสียชีวิตได้จัดงานฒาปณกิจที่วัดโสมนัสวิหารที่กรุงเทพฯ เจ้ากรมแผนที่ทหารมาร่วมงานเห็นว่าลูก 2 คนอายุ 1 ขวบและ 3 ขวบยังเล็กมากและดิฉันเงินเดือนน้อย ท่านบอกดิฉันในงานว่าจะขอบำนาญพิเศษให้ นับแต่วันนั้นก็ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดมาพูดถึงกฎ กติกาการรับเงินบำนาญนั้นเลย
ต่อมา ก็มีจดหมายจากมณฑลทหารบกที่ 33 ให้ไปรับบำนาญก็ไปรับเองในระยะแรก ต่อมาทราบว่ารับผ่านธนาคารได้ก็
มอบให้ธนาคารรับ ดิฉันเชื่อโดยสุจริตอย่างยิ่งว่าเป็นเงินที่มีสิทธิควรได้รับด้วยความเมตตากรุณาจากทางราชการเพื่อตอบแทนการเสียสละอย่างสูงสุดของสามี ให้มาเท่าไรก็นำไปเลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน ไม่เคยทราบมาก่อนว่าเมื่อมียอดเงินอะไรเปลี่ยนแปลง ต้องทำหนังสือไปถามคนนั้น คนนี้ ต้องบอกก่อนรับเงินซิว่า มีกฎ กติกา มีกฎหมายอะไร จะได้ปฏิบัติตนถูก นี่รับเงินมานับถึงวันนี้ 36 ปีแล้ว เป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ มานานมาก ที่ไม่ได้ตรวจสอบสิทธิของผู้รับเงินแล้วจ่ายเงินมาให้เอง แล้วมาโทษคนรับเงินซึ่งไม่มีโอกาสทราบกฎหมายว่า มิได้สนใจจะติดตาม การที่จะมาเรียกเงินคืนก็เป็นการทำให้ดิฉันเดือดร้อนเกินสมควร ผิดหลักความมั่นคงแห่งสิทธิ และยังผิดหลักความคุ้มครองความเชื่อถือและความไว้วางใจโดยสุจริตของดิฉันอีกด้วย เพราะดิฉันชอบอาชีพทหารมาก ตอนเด็กอยากเป็นทหารพลร่มหญิง แต่พ่อแม่ไม่อยากให้เป็นกลัวร่มไม่กาง ก็เลยเลือกแต่งงานกับทหารแทน เพราะทหารทำอะไรก็น่าเชื่อถือ มีกฎ ระเบียบ มีคำสั่งเด็ดขาด อบอุ่น แต่ตอนนี้ทราบแล้วว่าไม่จริง สั่งให้เงินมาตั้งหลายสิบปีใช้ไปหมดแล้วจะมาเอาเงินคืนเป็นก้อนใหญ่ๆอีก เงินไม่มีก็ฟ้องร้องเอาเป็นทุกข์ ทุกข์ๆ ๆ ถ้าถอยหลังชีวิตไปได้อย่าว่าแต่จะรับบำนาญพิเศษเลย ไม่แต่งงานกับทหารด้วยเด็ดขาดคะ
ตอบประมาณนี้พอไหมคะ
ด้วยความนับถือ
แสงจันทร์
|