เรียน ท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง
ดิฉันรับราชการครู สังกัดสำนักงานเชตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต ๑ จังหวัดอุดรธานี เมื่อสิบปีก่อนดิฉันไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา เห็นว่าการกระทำของผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ถูกต้อง จึงได้เข้าไปพูดคุยขอร้องทำความเข้าใจหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผลจึงบอกผู้อำนวยการโรงเรียนว่าถ้าขอไม่ได้ดิฉันจะฟ้องนะ ผอ.รร.พูดว่าจะฟ้องน่ะรู้จักใครในสำนักงานเขตฯบ้างล่ะ ตอบว่าไม่รู้จักใครแต่ก็จะฟ้องล่ะ" เกิดการฟ้องร้องเกิดขี้นแต่เรื่องไม่ได้รับความสนใจจากสำนักงานเขตฯจริง ๆ (ก่อนหน้านี้ ผอ.รร.เคยถูกฟ้องร้องในแต่ละเรื่องแต่ละคนหลายเรื่องจนคุ้นเคยกับนิติกรในเขตแล้ว) ข้าพเจ้าไม่มีทางไปเห็นเว็บระฆังจากใจนายก(สม้ยท่านทักษิณฯ) จึงส่งเรื่องร้องเรียนไปและได้รับคำตอบว่าจะติดตามเรื่องให้ ไม่นานสำนักงานเขตพื้นที่ก็ออกมาสอบสวนจริง ๆ ตลอดการสอบสวนดิฉันไม่ได้รับข้อมูลใดเพราะนิติกรฯแจ้งว่า ดิฉันเป็นผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่ต้องได้แก้ตัว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องแจ้งให้ทราบ จนสรุปเรื่อง รอง ผอ.เขตฯ ได้เรียกดิฉันเข้าพบและขอให้ลงชื่อในหนังสือตักเดือนโดยให้เหตุผลว่าที่สุบสวนมา ผอ.รร.มีความผิดจริงต้องถูกทำโทษแต่ยังไม่ทราบสถานใด แต่คงจะขายหน้ามากจึงอยากให้ดิฉันถูกตักเตือนพอเป็นพิธีให้ ผอ.รร.ลอความอายให้น้อยลงบ้าง ดิฉันไม่ยอมเพราะคิดว่าตนเองไม่ผิด แต่ รอง ผอ.เขตฯพูด ๆๆ จนสุดท้ายก็บอกว่า ขอตักเตือนแค่นี้ไม่ได้ก็แสดงว่าดิฉันกระด้างกระเดื่องกับผู้บังคับบัญชาจริงๆ หัวแข็ง ชอบสร้างความแตกแยกในหน่วยงานและให้ดิฉันเลือกระหว่างรับลงชื่อในหนังสือตักเตือนโดยรับปากว่าจะไม่เอาหนังสือตักเตือนไปทำให้เสียหายใด นอกจากอ้างเป็นเพื่อนกับ ผอ.รร.เท่านั้นและถ้ายอมลงชื่อให้จะให้ย้ายโรงเรียนไปตามที่ขอไว้ ข้าพเจ้าไม่มีทางเลือกและทาง รอง ผอ.เขตฯได้รับปากว่าจะไม่เอาไปทำให้เสียหายใด ๆ และจะให้ย้ายตามต้องการ จึงรับปากลงชื่อในหนังสือตักเตือนให้และส่งเรื่องขอย้ายไปเพื่อให้ได้ย้าย พอไม่นานก็ได้ย้ายจริง ๆ แต่ไม่ได้ไปในโรงเรียนที่ดิฉันขอแต่ไปในที่ที่ครูในอำเภอนี้จะไม่ขอย้ายไปเพราะมันเป็นโรงเรียนที่ไกลที่สุดในอำเภอเมือง คำสั้งย้ายอ้างเหตุผล "เพื่อความเหมาะสมและเพื่อประโยชน์ของทางราชการ" ข้าพเจ้าอุธรณ์ร้องทุกข์เพราะไม่ได้ขอย้ายไปไกลออกไปจากที่เดิมตั้งมาก แต่คำอทุธรณ์ร้องทุกข์ของดิฉันไม่ได้รับความสนใจจากสำนักงานเขตฯเลย ร้องทุกข์ไม่มีผลจึงฟ้องที่ศาลปกครองขอนแก่น ๒ คดี คดีคำสั่งย้ายดิฉันแพ้เพราะสำนักงานเขตฯใช้หนังสือตักเตือนเป็นหลักฐาน "มีความประพฤติถูกตักเตือนจึงถูกทำโทษให้ย้ายเหมะสมแล้ว" (ผอ.รร.ที่ถูกฟ้อง มีสำนวนสอบสวนทีทราบตอนนำมาอ้างที่ศาลปกครองว่า "เป็นผู้บังคับบัญชาที่มีการประพฤติปฏิบัติไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่" หลายข้อ แต่สรุปเป็นความผิดเล็กน้อยถูกตักเตือนแต่ไม่ต้องย้ายเหมือนดิฉัน ส่วนอีกคดหนึ่งคือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ สำนักงานเขตฯถูกศาลพิจารณาให้เป็นผู้ละเลยต่อหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติและให้พิจารณาคำร้องทุกข์ของดิฉัน สำนักงานเขตฯ รับคำสั่งศาลนำเรื่องร้องทุกข์ของดิฉันเข้าพิจารณาในทีประชุม อ.ก.ค.ศ. ผล "ยกคำร้องทุกข์เพราะมีความผิด แพ้ตามคดีที่ศาลปกครอง "ยกฟ้อง" ดิฉันจึงไม่ได้รับผลใดเลย ต้องอยู่ที่โรงเรียนที่เขาให้ย้ายไปจนทุกวันนี้ และผลจากการฟ้องนายโรงเรียนไม่เคยนำชื่อของดิฉันเข้าบรรจุเพื่อรับการพิจารณาเงินเดือนขั้นพิเศษเลยตลอดสิบปี ผลงานนักเรียนเหรียญทอง ผลโอเนทที่ ๑ ของกลุ่ม ที ๒ ของสำนักงานเขตสองร้อยกว่าโรงเรียน ไม่มีผลใด ส่งคำร้องขอย้ายเขตฯไม่นำเข้าพิจารณา สุดท้าย ผอ.รร.คนปัจจุบันบังคับบีทา ดิฉันทำอะไรผิดไปหมดต้องคอยส่งเรื่องชี้แจงเป็นรายวัน ขอออกไปธุระนอกโรงเรียนก็ไม่ค่อยให้ไป โอยอ้างเหตุผลว่าธุระที่ไปไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอน ดิฉันลำบากมาก สำนักงานเขตฯก็บี้ตลอด ไม่มีทางไปจึงนำคำพิพากษาที่ศาลตัดสินให้ชนะมาฟ้องอาญากับ ผอ.สำนักงานเขตฯ เผื่อหวังว่าจะได้รับความสนใจต่อรองไต่ถามว่าโกรธเรื่องอะไรจึงไดฟ้องอาญาขนาดนี้ แต่ไม่เป็นผล ผู้ใหญ๋ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานีทุกคนไม่สนใจไม่ช่วยไม่ใต่ถาม มีแต่จะฟ้องกลับ คดีอาญาก็ยังต้องสู้กันอยู่วันนี้ ดิฉันก็ยังต้องคอยระวังตัวแจที่ ผอ.รร.คนปัจจุบันจะหาทางเอาความผิดทุกวิถีทางคล้ายเหมือนดิฉันเป็นศัตรูตัวร้ายกาจ ที่สำคัญเมื่อเรื่องปรากฏที่ศาลปกครองขอนแก่น หนังสือตักเตือนที่ดินลงชื่อให้ รอง ผอ.เขตฯครั้งนั้น นอกจากถูกนำไปเป็นหลักฐานที่ศาลปกคองขอนแก่นแล้ว ยังนำไปรายงาน สพฐ.และสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย "เพราะดิฉันมีการประพฤติถูกตักเดือน"
วันนี้ดิฉันรู้สึกเหมือนจะไม่มีที่ให้ยืน นายทุกคนทุกระดับในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต ๑ โกรธแค้นหาทางเอาผิดคืน ทำไมผู้น้อยเรียกร้องความยุติธรรม การร้องเรียนผู้บังคับบัญชากฎหมายกำหนดให้ทำได้ แต่เมื่อทำแล้วเหมือนกับตายทั้งเป็น แตะไม่ได้รวมกลุ่มกันกลั่นแล้งเป็นสิบ ๆปียังไม่เลิก แพร่ชื่อเสียงว่าดิฉันชอบเป็นคนช่างฟ้องเป็นคนไม่มีเหตุผลให้ผู้บริหารทั่วไปทราบโดยการบิดเบือนความจริงที่ดิฉันไม่ได้มีโอกาสแก่ตัวใด ๆ เพราะร้อยวันพันปีก็ไม่เคยได้พบเจอผู้บริหารโรงเรียนอื่น ๆ เพราะหน้าที่ไม่อำนาย ขณะนี้ดิฉันถุกกดขี่อย่างมาก พยายามช่วยเหลือตนเองที่สุดคนเดียว เพราะถ้ามีใครคนใดเข้ามายุ่งเกี่ยวช่วยเหลือก็จะเป็นที่หมายหัวของเจ้านายเหล่านี้ทุกคน ดิฉันไม่มีที่พึ่งใด ขณะนี้ก็สู้กับเจ้านายที่ไม่ประนีประนอมใด พฤติกรรมรายงานเท็จต่อ สพฐ. ต่อสำนักนายกรัฐมนตรีของเขาจะมีผลต่อรองกับเขาได้หรือไม่ มีทางใดจะบรรเทาทุกข์แก่ดิฉันได้บ้าง กรุณาช่วยแนะนำด้วยจักเป็นพระคุณอย่างที่สุด ดิฉันจะเฝ้ารอคำตอบไม่ว่าจะออกมารูปแบบใดก็จะน้อมรับ จึงขอกราบของพรคุณล่วงหน้า
นิธิดา